ในการตรวจสอบคุณภาพน้ำมัน (ไม่เกี่ยวกับปริมาณน้ำมันช่างตวงวัดที่รับผิดชอบโดยกระทรวงพาณิชย์) ในประเทศไทยนั้น มีสองหน่วยงานที่ทำอยู่คือ 1. กรมธุรกิจพลังงาน 2. บริทน้ำมัน ทั้งสองหน่วยงานมีรถเคลื่อนที่ๆจะออกไปทำการตรวจทุกปั๋มในประเทศไทยโดยสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป แต่ถ้าคุณพิจารณาดูปริมาณปั๋มน้ำมันที่มีอยู่ในประเทศไทยเมื่อเทียบกับจำนวนหน่วยตรวจสอบของกรมธุรกิจและบริษัทน้ำมันเองแล้ว จะเห้นได้ว่าไม่พอเพียง จนความหมายของคำที่พูดว่ามีการตรวจสอบเป็นระยะนั้นกลายเป็นคำถามว่าแล้วปีนี้ตรวจหรือยัง ด้วยเหตุผลที่การตรวจสอบไม่พอเพียงนี่แหละ ทุกวันนี้เราจึงเจอปัญหาน้ำมันไม่ได้คุณภาพ ถังรั่วจนน้ำและสิ่งสกปรกเข้าไปอยู่ในถัง กว่าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อจะตรวจพบว่ามีความผิดพลาด รถคุณก็พังไปแล้วครับ ดังนั้น อย่าได้ฝากความหวังลมๆแล้งๆกับหน่วยงานที่รับผิดชอบมากนักเลยครับ ตัวเองเป็นที่พึ่งของตนดีที่สุด  

เติมปั้มที่ดูสะอาดพอแล้วครับ

กรมธุรกิจพลังงาน จะตรวจสอบเป็นระยะ

ความเห็นของพี่คนว่างฯถูกต้องแล้วครับ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ต้องเดินทางบ่อยๆ หรือไม่ได้ใช้รถประจำในกรุงเทพฯ สำหรับผม จะเลือกเติมปั๊มมาตรฐาน แลดูสะอาดและใหม่ เพราะอย่างน้อยก็รับประกันได้ระดับหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น ปตท. หรือ ปั๊มเจ็ต เก่าที่เปลี่ยนมาเป็น ปตท.ที่ต้องยอมรับว่าเป็นปั๊มที่มีมาตรฐานดี นอกจากนั้น ผมยอมรับว่า ปั๊มอื่นๆ เช่น ปั๊ม Shell, Esso หรือ Caltex ถ้าไม่ใช่ปั๊มที่อยู่ในตัวเมืองใหญ่ๆจริง ไม่กล้าเติม เพราะปั๊มดูไม่ค่อยได้ปรับปรุง และสกปรกมาก แต่ไม่ทุกปั๊มนะครับ คุณต้องใช้วิจารณญาณเองด้วยครับ

การเปลี่ยนสถานีบริการไปเรื่อยๆนั้น ถ้าเกิดเครื่องยนต์คุณมีปัญหา คุณจะสามารถตอบคำถามได้ไหมว่าคุณไปเติมน้ำมันยี่ห้อไหน ที่ไหน แล้วรถมีปัญหา ปัจจุบัน ปัญหาที่หนักอกคนใช้รถคือปัญหาเรื่องน้ำมนปลอมปน กับคุณภาพของถังที่เก็บน้ำมัน น้ำมันปลอมปนจะทำให้คุณภาพของน้ำมันด้อยลงไปจนบางครั้งอาจจะสร้างปัญหาให้กับเครื่องยนต์ ส่วนถ้งน้ำมันที่ด้อยคุณภาพเกิดจากสภาพของถังที่เก่าจนเกิดการรั่วซึมของน้ำเข้ามาผสมกับน้ำมัน ทำให้เวลาไปเติมคุณจะได้เติมน้ำผสมกับน้ำมัน ซึ่งวิ่งไปได้สักพัก เครื่องดับต้องตามช่างมาแก้ไขกันวุ่นวาย ทางที่ดี ควรที่จะเติมน้ำมันจากปั่มประจำและยี่ห้อประจำ จะให้มั่นใจมากขึ้น เก็บบิลที่เติมน้ำมันจเอาไว้ทุกครั้งที่เติม เกิดมีปัญหาคุณจะมีหลักฐานพร้อมยืนยันว่าเติมจากปั๋มนี้แล้วเกิดปัญหาครับ