หลังจากประสบการณ์การขับขี่ที่น่าตื่นเต้นในงาน Porsche World Road Show Thailand ที่เพิ่งผ่านพ้นไป ปอร์เช่ ประเทศไทย พร้อมขนทัพจัดแสดงรถยนต์สุดหรูจากสนามแข่งสู่ งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 พร้อมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ถึง 4 รุ่น ได้แก่ ยนตรกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้า มาคันน์ (Macan) ใหม่, ไทคานน์ (Taycan) ที่ได้รับการปรับปรุงรอบด้าน, พานาเมร่า (Panamera) ใหม่ และ 911 คาร์เรร่า (911 Carrera) รุ่นไอคอนิคที่มีการพัฒนาปรับปรุงอย่างโดดเด่น
ไทคานน์ เทอร์โบ จีที (Taycan Turbo GT) ใหม่
มาพร้อมกับอินเวอร์เตอร์ที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีซิลิคอนคาร์ไบด์เป็นส่วนประกอบให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่อยู่ในมอเตอร์หลัง ทั้ง 2 รุ่นมีพละกำลัง 1,034 แรงม้าเป็นมาตรฐาน แต่สามารถเพิ่มกำลังสูงสุดชั่วคราวผ่านโหมด ‘Attack Mode’ ที่ 120 กิโลวัตต์ (kW) ซึ่งสามารถทำให้มีกำลังพุ่งสูงกว่า 1,100 แรงม้า เพื่อการแซงที่รวดเร็วเป็นพิเศษ ด้วยมาตรการผลิตยนตรกรรมที่เน้นน้ำหนักเบา ปอร์เช่ (Porsche) จึงสามารถลดน้ำหนักของ ไทคานน์ เทอร์โบ จีที (Taycan Turbo GT) ลงได้ถึง 75 กิโลกรัมเมื่อเทียบกับไทคานน์ เทอร์โบ เอส (Taycan Turbo S) ระบบกันสะเทือน Porsche Active Ride ที่ปรับแต่งเฉพาะสำหรับรุ่น GT ก็รวมอยู่เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทั้งใน 2 รุ่นนี้
ไทคานน์ (Taycan) รุ่นอื่นๆ จะถูกจัดแสดงที่บูธของปอร์เช่ (Porsche) ในงานมหกรรมยานยนต์ 2024 ด้วยเช่นกัน ปอร์เช่ (Porsche) ได้ปรับปรุง ไทคานน์ (Taycan) อย่างครอบคลุมยิ่งขึ้น ด้วยพละกำลังที่มากขึ้น ระยะทางที่ไกลขึ้น การเร่งความเร็วที่เร็วขึ้น และชาร์จไฟได้เร็วและมีความเสถียรมากขึ้น นอกจากนี้ ปอร์เช่ (Porsche) ยังได้ปรับดีไซน์ให้คมชัด และสร้างความแตกต่างที่ชัดเจนยิ่งขึ้นในรุ่นเทอร์โบ (Turbo)
ไทคานน์ (Taycan) ทุกรุ่นมาพร้อมกับรายการอุปกรณ์มาตรฐานที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น และนำเสนอ Porsche Driver Experience รุ่นล่าสุด การแสดงผลดิจิทัลเต็มรูปแบบ, ความสามารถในการปรับแต่งที่หลากหลาย และการใช้งานที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้
มาคันน์ (Macan) ใหม่ ที่มาในรูปแบบพลังงานไฟฟ้า 100%
รถสปอร์ตอเนกประสงค์ (SUV) ใหม่สามารถสะกดสายตาได้ทันทีจากเส้นสายที่เป็นเอกลักษณ์ของปอร์เช่ (Porsche) ซึ่งเชื่อมต่อกับกระจกหลังที่แบนราบ การออกแบบร่วมกันของไฟหน้ารูปแบบใหม่ที่มีไฟเดย์ ไทม์ (Day time) กลางสี่จุด และโมดูลไฟหน้าหลักที่มาพร้อมเทคโนโลยี Matrix LED แบบเลือกติดตั้งได้นั้น ทำให้ได้ดีไซน์ที่เพรียวบางและมีลุคสปอร์ตมากขึ้น ปีกหน้าที่ยกสูงตามแบบฉบับของปอร์เช่ (Porsche) และลาดลงมาอย่างเด่นชัดทำให้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังดูมีความแข็งแกร่งทรงพลัง ด้านหลังโลโก้ Porsche ถูกติดตั้งไว้ที่กลางแถบไฟ 3D
มาคันน์ (Macan) ใหม่ สามารถผลิตพละกำลังได้เพิ่มถึง 265 กิโลวัตต์ (360 แรงม้า) ขณะที่มาคันน์ เทอร์โบ (Macan Turbo) รุ่นท็อปมีพลังสูงสุดถึง 470 กิโลวัตต์ (639 แรงม้า) แรงบิดสูงสุดของทุกรุ่นมีค่าตั้งแต่ 563 นิวตันเมตร ไปจนถึง 1,130 นิวตันเมตร มาคันน์ (Macan) มีอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 5.7 วินาที ขณะที่ มาคันน์ เทอร์โบ (Macan Turbo) ทำได้ในเวลาเพียง 3.3 วินาที
มาคันน์ (Macan) ใหม่ ถูกสรรสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Premium Platform Electric (PPE) ที่พัฒนาใหม่ของปอร์เช่ (Porsche) พร้อมพลังไฟฟ้า 800 โวลต์ การชาร์จแบบกระแสตรง (DC) สามารถให้กำลังสูงสุดถึง 270 กิโลวัตติ (kW) ซึ่งหมายความว่าในสภาวะที่เหมาะสม แบตเตอรี่สามารถชาร์จจาก 10 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ภายในเวลาประมาณ 21 นาที ส่วนการชาร์จไฟแบบกระแสสลับ (AC) ที่กำลังสูงสุด 11 กิโลวัตต์ (kW) สามารถชาร์จพลังงานไฟฟ้าที่กล่องชาร์จติดผนังในบ้าน
มาคันน์ (Macan) รุ่นใหม่ถูกขยายพื้นที่สำหรับผู้โดยสารจะกว้างขวางขึ้น และเพิ่มขนาดช่องเก็บสัมภาระใน ความจุที่อยู่ด้านหลังเบาะที่นั่งหลังสามารถรองรับได้สูงสุดถึง 540 ลิตร นอกจากนี้ยังมี ‘frunk’ ซึ่งเป็นช่องเก็บสัมภาระที่ใต้ฝากระโปรงหน้ารถโดยมีความจุ 84 ลิตรอีกด้วย
ภายในห้องโดยสารมีความเป็นปอร์เช่อย่างชัดเจน ความกว้างของห้องโดยสารถูกเน้นย้ำด้วยแผงสีดำที่ออกแบบให้เป็นหนึ่งเดียวกัน นอกจากอินเตอร์เฟซดิจิทัลสมัยใหม่ เช่น จอแสดงผลการวัดผลโค้งขนาด 12.6 นิ้วแล้ว ยังมีองค์ประกอบการควบคุมแบบอนาล็อกบางส่วนสำหรับช่องระบายอากาศและการควบคุมเครื่องปรับอากาศอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีแถบไฟ LED ที่ถูกรวมเข้าไปในห้องขับขี่และประตู ซึ่งทำหน้าที่ทั้งเป็นแสงเพื่อสร้างบรรยากาศและแสงเพื่อแสดงการสื่อสาร
911 รุ่นอัปเกรดใหม่เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย
เริ่มต้นด้วยรุ่นพื้นฐานอย่าง 911 Carrera รุ่นใหม่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 6 สูบแบน 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ซึ่งสามารถส่งมอบกำลังได้มากยิ่งขึ้น โดยได้รับการปรับปรุงด้วยเทอร์โบชาร์จเจอร์ใหม่จากรุ่น 911 GTS และระบบอินเตอร์คูลเลอร์ขั้นสูงจากรุ่น 911 Turbo ทำให้ 911 Carrera ใหม่สามารถผลิตพละกำลังได้ถึง 290 กิโลวัตต์ (394 แรงม้า) และแรงบิด 450 นิวตันเมตร
โดย 911 ใหม่ ได้รับการอัปเกรดและการออกแบบขยายทั่วทั้งคัน เช่น การปรับปรุงประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ภายนอกก็ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมมากขึ้น โดยมีกระจังหน้าแบบใหม่ที่เฉพาะเจาะจงกับรุ่น พร้อมช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ และยังมาพร้อมกับไฟหน้ารูปทรง LED Matrix แบบมาตรฐานที่รวมฟังก์ชันไฟทั้งหมดไว้ในดีไซน์สี่จุดที่เพรียวบาง
ภายใน 911 ยังคงรักษาการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ไว้ ในขณะเดียวกันก็ผสานเทคโนโลยีทันสมัยเข้าด้วยกัน ระบบ Porsche Driver Experience ใหม่จะนำฟังก์ชันที่สำคัญมาวางไว้ที่บริเวณพวงมาลัยหรือใกล้เคียงกับพวงมาลัย รวมถึงสวิตช์เลือกโหมดขับขี่ ปุ่มควบคุมที่ได้รับการอัปเดตสำหรับระบบช่วยเหลือ และเป็นครั้งแรกที่มีปุ่มสตาร์ทอยู่ทางด้านซ้ายของพวงมาลัย
รุ่นคูเป้ (Coupé) มาพร้อมกับที่นั่ง 2 ที่นั่งเป็นมาตรฐาน และสามารถเลือกเป็นการจัดที่นั่งแบบ 2+2 ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม จอแสดงผลดิจิทัลขนาด 12.6 นิ้วที่สามารถปรับแต่งได้ มีโหมดการแสดงผลถึง 7 แบบ รวมถึงแบบดีไซน์ห้าวงสุดคลาสสิก พร้อมมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ที่ตั้งอยู่ตรงกลาง ซึ่งเพิ่มความรู้สึกย้อนยุคให้กับห้องขับขี่สมัยใหม่
Panamera 4 E-Hybrid เจเนอเรชั่นใหม่
มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าใหม่ที่ถูกรวมเข้าไปในระบบเกียร์ PDK คลัทช์คู่ 8 สปีดที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ซึ่งช่วยให้มีสมรรถนะที่น่าประทับใจ ด้วยพละกำลังรวมของระบบที่ 346 กิโลวัตต์ (470 แรงม้า) และยังสามารถวิ่งได้ระยะทางไฟฟ้าเต็มที่ถึง 91 กิโลเมตร ในมาตรฐานการทดสอบแบบ WLTP ซึ่งเพียงพอสำหรับการเดินทางไปทำงานในเมืองทุกวัน
ติดตั้งช่วงล่างถุงลมแบบ 2 ชั้น และวาล์วควบคุมช่วงล่าง 2 วาล์ว พร้อมระบบ Porsche Active Suspension Management (PASM) เป็นพื้นฐานให้กับทุกรุ่นย่อย หรืออีกทางเลือกของช่วงล่าง ที่ชื่อว่า Porsche Active Ride ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ มีให้เลือกสำหรับรุ่น อี-ไฮบริด (E-Hybrid) ซึ่งมอบความสามารถในการยึดเกาะและสมรรถนะในการเข้าโค้ง พร้อมกับความสะดวกสบายในระดับสูง
ทุกรุ่นของพานาเมร่า (Panamera) ใหม่มาพร้อมกับการออกแบบที่ดูคล่องตัว ปราดเปรียวและทันสมัย ที่ด้านหน้าดีไซน์โดดเด่นด้วยไฟหน้ารูปทรงใหม่แบบ Matrix LED ที่เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และช่องระบายอากาศแนวนอนเพิ่มเติมจากรุ่นก่อน ส่วนที่ด้านหลังของสปอร์ตซาลูน ไฟท้ายแบบต่อเนื่องและกระจกหลังไร้กรอบทำให้ พานาเมร่า (Panamera) ใหม่มีลักษณะที่แตกต่างและโดดเด่น
ภายในห้องโดยสารและห้องขับขี่ได้รับการปรับปรุงใหม่ด้วยจอแสดงผลดิจิทัลขนาด 12.6 นิ้ว สวิตช์เกียร์ใหม่ที่อยู่ทางซ้ายของพวงมาลัย และจอแสดงผลสำหรับผู้โดยสารขนาด 10.6 นิ้วที่สามารถเลือกติดตั้งได้ เพื่อยกระดับประสบการณ์โดยรวมของผู้โดยสาร
นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์เพิ่มเติมในบูธปอร์เช่ ได้แก่ "คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด คูเป้ (Cayenne S E-Hybrid Coupé)", "718 สไตล์ เอดิชั่น (718 Style Edition)", "911 จีที3 ที่ผ่านการปรับแต่งด้วยชุดแต่งเสริมสมรรถนะ Manthey Performance Racing" และอื่นๆ อีกมากมาย
พบกับที่สุดแห่งยนตรกรรมสปอร์ตปอร์เช่ทุกรุ่นได้แล้วที่งานมหกรรมยานยนต์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 41 (Thailand International Motor Expo) ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2024 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 เมืองทองธานี