dot




MG4 ELECTRIC XPOWER : มอเตอร์คู่ตัวตึง เร่งแรงทันใจ

MG4 ELECTRIC XPOWER : มอเตอร์คู่ตัวตึง เร่งแรงทันใจ

MG4 ELECTRIC เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทำตลาดในประเทศไทยมาสักพักหนึ่งแล้ว แต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมาทาง MG ประเทศไทยเพิ่งสร้างความคึกคักอีกครั้งด้วยการเปิดตัวรุ่นย่อยใหม่ และวันนี้รถยนต์คันนั้นก็มาอยู่ในมือเราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขอเชิญท่านผู้อ่านทุกท่านมาร่วมสัมผัสกับเจ้า MG4 ELECTRIC XPOWER ไปพร้อมๆ กับเราได้เลย

เจ้า XPOWER คันนี้มีจุดที่ต่างจากรุ่นเริ่มต้นหลายจุด ไม่ว่าจะเรื่องแรงม้าหรือระบบขับเคลื่อน แต่อยู่บนมิติตัวรถที่เท่ากันคือยาว 4,287 มิลลิเมตร กว้าง 1,836 มิลลิเมตร สูง 1,516 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อเท่ากันที่ 2,705 มิลลิเมตร

แต่ระบบขับเคลื่อนของเจ้า XPOWER คันนี้เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ด้วยมอเตอร์คู่แบบ Permanent Magnet Synchronous ขณะที่ MG4 รุ่น STANDARD RANGE เป็นแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ ด้วยมอเตอร์ตัวเดียว มอเตอร์ด้านหน้าให้พละกำลัง 204 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร ส่วนมอเตอร์หลังให้พละกำลัง 231 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร รวมพละกำลังและแรงบิดเป็น 435 แรงม้า 600 นิวตันเมตร โดยมีอัตราเร่งจากหยุดนิ่งไปถึง 100 กม./ชม. ได้ภายใน 3.8 วินาที ขณะที่อัตราเร่งขณะลอยตัวจาก 80-120 กม./ชม. อยู่ที่ 2.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 200 กม./ชม.

แบตเตอรี่สำหรับเก็บพลังงานเป็นแบบ Lithium-ion Ternary (NMC) ความจุ 64 kWh มาตรฐาน IP 67 ที่มีระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวแบบ Liquid Cooling System ช่วยควบคุมอุณหภูมิของแบตเตอรี่ให้ทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพมั่นคง มอบระยะทางสูงสุดต่อการชาร์จอยู่ที่ 480 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC รองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC สูงสุด 11 kW ใช้เวลา 6 ชั่วโมง 30 นาที ขณะที่ชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC ได้สูงสุด 140 kW ใช้เวลาทั้งสิ้น 26 นาที ทั้งยังมีระบบ V2L ที่สามารถจ่ายไฟจากตัวรถได้ 2,200 วัตต์

ระบบช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท ส่วนด้านหลังเป็นแบบอิสระ 5 ลิงก์ ขนาดของยางเพิ่มจาก 17 นิ้ว เป็น 18 นิ้ว ระบบเบรกเป็นดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ โดยมีระยะการเบรกจาก 100 กม./ชม. จนหยุดนิ่งเอาไว้ที่ 33.9 เมตร ซึ่งตัวเลขนี้ได้มาจากการเพิ่มขนาดของจานเบรกให้ใหญ่ขึ้น โดยจานเบรกคู่หน้ามีขนาด 345 มิลลิเมตร ส่วนคู่หลังมีขนาด 340 มิลลิเมตร

รูปแบบในการขับขี่มีให้เลือกทั้งหมด 5 โหมดด้วยกัน คือ ECO, Normal, Sport, Custom และ Snow ส่วนระบบการชาร์จกลับหรือ Kinetic Energy Recovery System (KERS) ปรับได้ 4 ระดับ คือ ระดับต่ำ กลาง สูง และแบบแปรผันตามการขับขี่

การตกแต่งภายในเน้นสีดำเป็นหลัก บริเวณหลังพวงมาลัยที่กึ่งๆ จะเป็น D Shape มีหน้าจอมาตรวัดมีขนาด 7 นิ้ว ขณะที่หน้าจอกลางมีขนาด 25 นิ้ว สั่งการได้ด้วยระบบสัมผัส ด้านล่างของหน้าจอมีแท่นชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย ถัดไปอีกเล็กน้อยจะเป็นที่อยู่ของสวิตช์เกียร์แบบหมุน ตัวเบาะนั่งบุด้วยหนังสังเคราะห์ เบาะนั่งด้านหลังสามารถพับลงได้แบบ 60:40 และด้วยการออกแบบของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ไม่มีพื้นที่ห้องเครื่องทำให้พื้นที่ภายในกว้างขึ้น พื้นที่วางเท้าด้านหน้าจึงมีให้เหลือๆ สามารถเหยียดขาได้สบายๆ คอนโซลกลางที่ควรเป็นอุโมงค์เกียร์ในรถยนต์สันดาปก็กลางเป็นพื้นที่เก็บของหรือวางแก้วน้ำเพิ่ม

ตอนขึ้นมานั่งบนที่นั่งคนขับแล้วจะพบว่าทัศนวิสัยโดยรอบดีมากจากการที่ฝากระโปรงด้านหน้าที่ลาดลง พอเริ่มขับไปได้สักพักก็สามารถบอกได้เลยว่าตัวรถเอาอยู่กับการทรงตัวในทางโค้งและให้ความรู้สึกว่านิ่งมาก ตรงนี้เกิดจากการออกแบบทางวิศวกรรมที่ทำให้จุดศูนย์ถ่วงตัวรถต่ำและมีการกระจายน้ำหนักหน้าหลังแบบ 50:50 ซึ่งจะทำให้เวลาเข้าโค้งแล้วไม่มีอาการเหวี่ยงไปด้านหน้าหรือด้านหลัง ถ้าเปิดดูข้อมูลทางเทคนิคจะพบว่ามีการปรับเพิ่มความหนืดของช็อกอับขึ้นอีก 10-30% ด้วย ซึ่งสัมผัสความเปลี่ยนแปลงได้จากการขับขี่เลยว่ามันมีช่วงล่างที่แน่นขึ้น ทำให้ขับได้สนุกได้อารมณ์ขึ้น ขณะที่ตัวห้องโดยสารเองก็เก็บเสียงจากภายนอกได้ดี ชนิดที่มีรถจักรยานยนต์ขับผ่านด้านข้างก็ยังแทบไม่ได้ยินเสียง

ระบบสนับสนุนการขับขี่รวมถึงระบบความปลอดภัยก็ให้มาอย่างครบถ้วนแบบฉบับรถสมัยใหม่ ทำให้ขับง่ายกว่ารถยนต์สมัยก่อนมาก ยิ่งรวมกับการมีอัตราเร่งที่ดีทำให้ขับในเมืองได้สบายๆ แถมยังปลอดภัยเพราะระบบเตือนต่างๆ และกล้องรอบคันเข้ามาช่วยเสริม หรือหากจะขับทางไกลก็ให้คุณภาพการขับที่ดี ขับสนุก จากการที่เป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ AWD มีการกระจายน้ำหนักและศูนย์ถ่วงที่ต่ำอย่างที่บอกไว้ข้างต้น แต่บางคนอาจจะอยากได้เสียงท่อไอเสียสังเคราะห์ดังเข้ามาให้รู้สึกกระชุ่มกระชวยสักหน่อย

MG4 ELECTRIC XPOWER คันนี้มีราคาอยู่ที่ 1,119,900 บาท มาพร้อมกับการรับประกันตัวรถ 4 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร ส่วนของแบตเตอรี่ก็มีการรับประกันแยกต่างหากนาน 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร ตัวถังภายนอกมีกระจังหน้าแบบแอคทีฟช่วยระบายความร้อนของแบตเตอรี่ขณะขับขี่ สีตัวถังของคันทดสอบครั้งนี้ก็เป็นสีพิเศษที่เพิ่มเข้ามาเฉพาะรุ่น XPOWER คือสีเขียวด้าน Premium Matt Green ขณะที่ส่วนของกันชนหน้า สเกิร์ตข้าง และกันชนหลังมีการตกแต่งด้วยสีเงินให้ดูโดดเด่นขึ้น

ถ้าถามเราว่า MG4 รุ่นไหนดี เราคงต้องพูดตรงๆ ว่า หากคุณไม่ได้มีปัญหาเรื่องราคา เราแนะนำให้เลือกเจ้า XPOWER คันนี้ไปเลย เพราะในราคาที่จ่ายเพิ่มขึ้นไปนั้นคุณจะได้ทั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พละกำลังที่เพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้เพิ่มขึ้นแค่พละกำลังนะ ระบบเบรกเองก็ดีขึ้นตามมาด้วย แถมยังให้การขับขี่ที่สนุกอีกต่างหาก บอกเลยว่าถ้าให้เราเลือก ยังไงๆ เราก็เลือกเจ้า XPOWER แน่นอน

 

MG4 ELECTRIC XPOWER

ราคา 1,119,900 บาท
เครื่องยนต์ มอเตอร์ Permanent Magnet Synchronous 2 ตัว
พละกำลังรวมสูงสุด 435 แรงม้า
แรงบิดรวมสูงสุด 600 นิวตันเมตร
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 3.8 วินาที
ความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม.
แบตเตอรี่ ลิเธียมไอออน (NMC) 64 kWh
ระยะทางวิ่งสูงสุด 480 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC)
ความยาว 4,287 มิลลิเมตร
ความกว้าง 1,836 มิลลิเมตร
ความสูง 1,516 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ 2,705 มิลลิเมตร
ล้อและยาง ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว และยาง 235/45 R18

 




THAI TASTE

ORA 07 Long Range : ขับสนุก เร่งทันใจ ภายในก็เงียบ
Toyota Corolla Cross HEV GR Sport : รุ่นพิมพ์นิยมที่จูนมาให้ขับสนุกสุดตึง
Mazda CX-8 2.2 XDL Exclusive : พี่ใหญ่ของแบรนด์ ขับเองก็สนุก นั่งหลังก็สบาย
Suzuki XL7 Hybrid : ขับง่ายใช้คล่อง เสริมสมรรถนะด้วย Mild-Hybrid
Volvo EX30 : จิ๋วแต่แจ๋ว ความปลอดภัยฉบับ Volvo



Copyright © 2010 All Rights Reserved.

V.A & Sons Co.,Ltd. / Advance Activity Co.,Ltd.
21 Soi Viphavadee 32, Viphavadee-Rangsit Road, Jatujak, Bangkok 10900 Thailand
Tel. 02-5114020-2 Fax. 02-5114023