Ford Everest Platinum : V6 ตัวตึง แต่ขับสบายสไตล์รถครอบครัว
สัปดาห์นี้คอลัมน์ Thai Taste ของเราได้รับรถยนต์ที่เป็นที่พูดถึงกันเป็นอย่างมากมาทดสอบกัน นั่นก็คือเจ้า Ford Everest Platinum Diesel V6 3.0 ลิตร รถอเนกประสงค์ PPV ที่มีที่นั่งภายในห้องโดยสาร 3 แถว ซึ่งมีพื้นฐานมาจากรถกระบะของ Ford ในรุ่นย่อย Platinum ซึ่งมีเครื่องยนต์ดีเซล V6 ขนาด 3 ลิตร อยู่ใต้ฝากระโปรง
เจ้าเครื่องยนต์ดีเซล V6 TDi ความจุ 2,993 ซีซี มากับเทอร์โบชาร์จเจอร์สำหรับอัดอากาศ มอบพละกำลังสูงสุด 250 แรงม้า ที่ 3,250 รอบต่อนาที แรงบิด 600 นิวตันเมตร ที่ 1,750 - 2,250 รอบต่อนาที ถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบฟูลไทม์ หรือในรหัสที่ Ford ใช้ว่า 4A4WD และมีการใช้ AdBlue มาช่วยทำให้ไอเสียสะอาดขึ้นตามมาตรฐานยูโร 5
ส่วนของโหมดการขับขี่มีให้เลือก 6 รูปแบบตามสภาพการใช้งานด้วยกัน คือ Normal, Eco, Tow/Haul, Slippery, Mud/Ruts และ Sand โดยสามารถเลือกได้ในบริเวณเดียวกันกับจุดที่ใช้เลือกระบบขับเคลื่อนว่าจะใช้แบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (2H) แบบขับเคลื่อน 4 ล้อ High (4H), แบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Low (4L) หรือแบบขับเคลื่อน 4 ล้อฟูลไทม์ (4A) และเมื่อรถคันนี้มาในรูปแบบของรถขับเคลื่อน 4 ล้อแบบฟูลไทม์จึงมีระบบล็อกเฟืองท้ายด้านหลังแบบไฟฟ้ามาให้ด้วย
เบาะนั่งเป็นลาย Honeycomb เบาะคู่หน้าปรับได้ด้วยไฟฟ้า 10 ทิศทาง โดยฝั่งคนขับมีระบบบันทึกตำแหน่งการนั่งได้ 3 ตำแหน่ง ส่วนของระบบอุ่นเบาะมีให้ทั้งแถวหน้าและแถวที่สอง เบาะแถวที่ 2 พับเก็บได้แบบ 60:40 ส่วนแถวที่ 3 พับได้แบบ 50:50 ด้วยระบบไฟฟ้า ระบบเครื่องเสียงจาก Bang & Olufsen พร้อมลำโพง 12 ตัว และซับวูฟเฟอร์ พวงมาลัยเป็นแบบมัลติฟังก์ชันสำหรับเชื่อมต่อกับระบบต่างๆ ของตัวรถ แผงหน้าปัดเรียบง่ายชัดเจนขนาด 12.4 นิ้ว หน้าจอกลาง 12 นิ้ว ระบบปรับอากาศเป็นแบบ 2 โซน โดยมีช่องแอร์ด้านหน้าขนาดใหญ่ 4 ช่องแบบรังผึ้ง ส่วนแถวนั่งที่ 2 และ 3 ใช้ช่องแอร์บริเวณหลังคา ส่วนของด้านบนยังมีหลังคาพาโนรามิกซันรูฟที่ปรับเปิดปิดได้ด้วยไฟฟ้าเพื่อให้ภายในรถดูโปร่งยิ่งขึ้น
Ford Everest Platinum มีระบบควบคุมความเร็วคงที่ขณะเดินทางพร้อม Stop & Go ซึ่งกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่ยังมีระบบช่วยเหลือการขับขี่และระบบความปลอดภัยอื่นๆ อีก อาทิ ระบบช่วยออกตัวขณะค้างอยู่บนทางลาดชัน ระบบช่วยหน่วงความเร็วระหว่างลงทางลาดชัน ระบบเตือนการออกนอกเลน ระบบป้องกันการชนด้านหน้า ก็ใส่มาอย่างครบถ้วนตามแบบฉบับของรถยนต์สมัยใหม่ที่ช่วยให้ผู้ขับใช้งานรู้สึกปลอดภัยมากยิ่งขึ้นเมื่อใช้งาน
เจ้าเครื่องยนต์ V6 บล็อกนี้ พูดตรงๆ ว่าทำงานได้ค่อนข้างเงียบมากๆ เก็บเสียงได้ดี ถ้าไม่ได้ยืนใกล้ๆ ตัวรถตอนที่เครื่องยนต์ทำงานอยู่ก็แทบไม่ได้ยินเสียงเลย เมื่อใช้งานในเมืองก็ทำได้ดีเนื่องจากตัวรถที่สูงและให้ทัศนวิสัยดี มองเห็นได้กว้าง ทำให้จุดอับสายตามีไม่มาก
ด้านของระบบช่วงล่าง เราเข้าใจว่าทาง Ford น่าจะปรับช่วงล่างมาให้รู้สึกนุ่มสบายและเหมาะกับการใช้งานบนถนนลาดยางหรือถนนคอนกรีตเป็นหลัก แต่ส่วนตัวคงจะหาวิธีตั้งค่าให้มันกระด้างขึ้นหน่อย แหม่ ขับรถที่ให้แรงม้าแรงบิดมาขนาดนี้ จะให้ขับเรื่อยๆ สบายๆ อย่างเดียวมันก็ยังไงอยู่ ยิ่งรถสไตล์นี้เหมาะกับการเดินทางไกลขึ้นเขาลงห้วย ช่วงล่างจะกระด้างนิดหน่อยก็ไม่มีปัญหา
สนนราคาค่าตัวของเจ้า Ford Everest Platinum V6 คันนี้อยู่ที่ 2,279,000 บาท หากเป็นสีขาวมุก Snow Flake White Pearl อย่างคันทดสอบของเราจะมีเพิ่มค่าตัวขึ้นอีก 12,000 บาท ส่วนที่ปรับเปลี่ยนมาบริเวณภายนอกและเห็นเด่นชัดคือกระจังหน้าแบบ Platinum และไฟหน้าแมทริก LED ปรับลำแสงอัตโนมัติ ด้านฝาท้ายยังเปลี่ยนเป็นแบบเปิดปิดด้วยไฟฟ้าได้โดยไม่ต้องใช้มือ
อย่างไรก็ตาม เจ้า Ford Everest Platinum ที่เข้ามาในรอบแรกนี้มีเปิดให้จองเพียง 350 คันเท่านั้น ซึ่งก็หมดไปตั้งแต่เปิดจองวันแรกเรียบร้อยแล้ว ใครที่สนใจเจ้ารถคันนี้คงต้องรอทาง Ford ว่าจะนำมาจำหน่ายเพิ่มเติมอีกเมื่อไรอย่างไร แต่ถ้าจะให้เราสรุปความเจ้า Ford Everest Platinum คันนี้สั้นๆ ต้องบอกว่าเป็นรถที่ “ขับง่าย ขับสบาย” อีกหนึ่งคัน
Ford Everest Platinum
ราคา |
2,279,000 บาท |
เครื่องยนต์ |
ดีเซล V6 เทอร์โบชาร์จเจอร์, 2,993 ซีซี |
พละกำลังสูงสุด |
250 แรงม้า ที่ 3,250 รอบต่อนาที |
แรงบิดสูงสุด |
600 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,250 รอบต่อนาที |
เกียร์ |
อัตโนมัติ 10 สปีด แบบ e-Shifter, 4WD |
ความยาว |
4,914 มิลลิเมตร |
ความกว้าง |
1,923 มิลลิเมตร |
ความสูง |
1,842 มิลลิเมตร |
ระยะฐานล้อ |
2,900 มิลลิเมตร |
ล้อและยาง |
ล้ออัลลอย 21 นิ้ว และ ยางขนาด 275/45 R21 |