Review: Pan America รถ Adventure คันแรกของ Harley-Davidson!
น้องใหม่ในตลาด Adventure Motorcycle ที่ทั่วโลกต่างรอคอย แต่...จริงๆ แล้ว Harley-Davidson เคยผลิตรถแนวนี้ออกมาแล้วในแบรนด์ลูกชื่อ BUELL รุ่น XB12XT ULYSSES ตั้งแต่ปี 2008 โดยใช้พื้นฐานของเครื่องยนต์ Harley-Davidson Sportster 1200
กลับมาที่ Harley-Davidson Pan America 1250 ปี 2021 ซึ่งหน้าตาได้รับแรงบันดาลใจจาก Harley-Davidson Road Glide โดยเปิดตัวเริ่มต้นที่ราคาเบาๆ เพียง 899,000 บาทเท่านั้น สำหรับรุ่น Special ที่นำมาทดสอบในวันนี้ราคา 952,000 บาท
Pan America ใช้เครื่องยนต์แบบ V-Twin รุ่นใหม่อย่าง Revolution Max 1250 ขนาด 1,252 ซีซี ซึ่งออกแบบเป็นพิเศษเพื่อให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ในหลายย่านความเร็ว และฉีกทุกอย่างของความเป็น Harley-Davidson ทั้งหมด อาทิเช่น ระบายความร้อนด้วยน้ำ และน้ำมัน มีลักษณะเป็นสูบวีในแบบของ วี 60 และใส่เทคโนโลยีเข้าไปเพิ่มอย่าง Double Overhead Camshaft ซึ่งทาง Harley-Davidson เคยใช้ในรถตระกูล ROD แต่ยังไม่เคยเอามาใช้ในเครื่องยนต์ BigTwin อย่าง Harley-Davidson Milwaukee 8 ที่เป็นระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ เครื่องยนต์ตัวนี้จึงเป็นการพัฒนาขึ้นมาใหม่นอกจากมี DOHC แล้วยังมี VVT หรือ Varidble Valves Timing คือระบบปรับเปลี่ยนองศาการเปิด-ปิดของตัวองศาวาวล์ทั้งไอดีและไอเสีย ซึ่งทำให้เครื่องยนต์เพิ่ม Torque ในรอบต่ำ และเพิ่มแรงม้าในรอบสูง และ ยังมีระบบ Dual Throttle Body ทำให้มีกำลังอัด 13:1 ทำให้มีความแม่นยำในการจ่ายน้ำมันและอากาศมากกว่าใครในรุ่นรวมถึงระบบ Assist Clutch และ Slipper Clutch ทำให้การกำคลัตช์นุ่มขึ้น ไม่หนักมือ และเวลาเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำรถก็ไม่เกิดอาการกระชาก
นอกจากนี้ยังเป็นรถมอเตอร์ไซค์คันแรกของวงการที่มีระบบ Adaptive Ride Height หรือระบบกันสะเทือนแบบใหม่ ที่จะช่วยปรับระดับความสูงของตัวรถอัตโนมัติ ปรับตัวรถให้อยู่ในระดับต่ำเมื่อหยุดรถ และปรับระดับให้สูงพอดีในขณะขับขี่เมื่อรถเริ่มออกตัว และเบาะคนขี่สามารถปรับสูง-ต่ำ ได้อีก คนตัวเล็กก็ขี่ได้ถ้าขามีแรงค้ำรถ 258 กิโลกรัม!
อุปกรณ์มาตรฐานมี ชุดไฟ LED รอบคัน รวมถึงไฟด้านบนไฟหน้าที่ช่วยเวลาเข้าโค้ง เวลาเลี้ยวซ้ายไฟทางด้านขวาจะส่องสว่าง เลี้ยวขวาไฟด้านซ้ายจะส่องสว่าง ยิ่งองศาเลี้ยวมาไฟจะไล่แถบสว่างขึ้นเรื่อยๆ ส่วนกระจกบังลมปรับได้ 4 ระดับโดยใช้มือปรับตรงก้านปรับระดับข้างหน้าจอ, ถังน้ำมันอะลูมิเนียมความจุ 21.1 ลิตร พร้อมช่องเติมน้ำมันที่ออกแบบให้ไม่บดบังกระเป๋าติดถัง สามารถเติมน้ำมันได้สะดวกโดยไม่ต้องย้ายกระเป๋า ท่อไอเสียสแตนเลส ติดตั้งใกล้กับเครื่องยนต์เพื่อกันความร้อนให้กับผู้ขี่ มาพร้อมล้ออะลูมิเนียม ด้านหน้าขนาด 48.26 เซนติเมตร ด้านหลังขนาด 43.18 เซนติเมตร จับคู่กับยางที่มิชลินออกแบบมาเป็นพิเศษเฉพาะรุ่น MICHELIN Scorcher Adventure และมียาง MICHELIN Anakee Wild สำหรับใช้งานแบบออฟโรดเป็นออปชั่น ชุดเบรก Brembo คาลิปเปอร์โมโนบล็อกแบบ 4 ลูกสูบ จานคู่หน้าเส้นผ่านศูนย์กลาง 32 เซนติเมตร ด้านหลังแบบเดี่ยว เส้นผ่านศูนย์กลาง 28 เซนติเมตร แม่ปั๊มเบรกหน้าทำงานร่วมกับก้านเบรกมือที่ปรับตั้งได้
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกมี จอทัชสกรีน TFT ขนาด 6.8 นิ้ว ปรับองศาได้ มีลูกเล่นมากมายอธิบายหมดในหน้านี้คงไม่ครบ รวมถึงมีแผ่นกระจกปิดจอภาพกันแสงสะท้อน ตัวจอจะหยุดการทำงานเมื่อรถเริ่มวิ่งเพื่อความปลอดภัย ทว่ายังใช้ปุ่มบังคับที่มือเพื่อควบคุมการทำงานของจอได้ในขณะวิ่ง ชุดระบบรองรับระบบนำทางจาก Harley-Davidson® App โดยรองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนทั้งระบบปฏิบัติการ Android หรือ iOS และระบบ Tire Pressure Monitoring System วัดแรงดันลมยาง
ระบบกันสะเทือนหน้า/หลัง แบบไฟฟ้า สามารถปรับให้อัตโนมัติอีกด้วย หรือจะปรับตั้งค่าได้ละเอียดตามต้องการ ทั้งค่ารับน้ำหนักเฉพาะผู้ขี่ (Pre-load), ค่าความหนืดในการยุบตัว (Compression) และค่าหน่วงในการคืนตัว (Rebound) รวมทั้งปรับค่าความแข็งของสปริงได้ด้วยระบบไฮดรอลิก ช็อคฯ หน้า/หลังมีระยะยุบตัว 19 เซนติเมตร ด้านหน้าเป็นแบบหัวกลับของ SHOWA® ขนาด 4.7 เซนติเมตร ด้านหลัง SHOWA® Piggyback และมีกันสะบัดจาก Ohlins
เครื่องยนต์ Revolution® Max 1250 แบบ V-Twin รุ่นใหม่ ความจุกระบอกสูบ 1,250 ซีซี ส่งกำลังด้วยเกียร์ 6 สปีด กำลังสูงสุดผลิตได้ 150 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 128 นิวตันเมตร ออกแบบมาให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในทุกช่วงความเร็ว บล็อกเครื่องยนต์ถูกติดตั้งเอาไว้ที่ส่วนกลางของโครงรถเพื่อลดน้ำหนักโดยรวมของรถให้ได้มากที่สุด โดย Pan America 1250 จะมีน้ำหนักตัว 242 กิโลกรัม ส่วน Pan America 1250 Special มีน้ำหนักตัว 258 กิโลกรัม
โหมดในการขี่เลือกได้ 5 โหมด (ค่าโรงงาน 4 โหมด + ปรับแต่งเอง 1 โหมด) ประกอบด้วย Road, Sport, Rain, Off-Road และ Off-Road Plus ซึ่งแต่ละโหมดก็จะมีการปรับเซ็ตช่วงล่าง, เบรก, คันเร่ง ต่างกันออกไป โดยอัตโนมัติ ยกเว้นโหมดปรับแต่งเอง
ชุดระบบช่วยขับมีอาทิ ระบบ Cruise Control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, ระบบ Cornering Rider Safety Enhancements ช่วยควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์และระบบอื่นๆ ที่ทำงานร่วมกันระหว่างเร่งเครื่อง เบาเครื่อง หรือขณะเบรก ช่วยให้ตัวรถยึดเกาะถนนสูงสุดในขณะเข้าโค้ง และใช้ความสามารถของระบบวัดแรงเฉื่อย (Inertial Measurement Unit หรือ IMU) ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยการบังคับเมื่อรถเอียงตัว
โดยรวมแล้ว Harley-Davidson Pan America 1250 ถือว่าทำออกมาได้ดีสุดในตลาดตอนนี้ คนตัวเล็กขาถึงขี่ได้ง่ายด้วยระบบ Adaptive Ride Height ซึ่งผมค่อนข้างชอบในระบบนี้ ส่วนระบบอื่นๆ ที่เทพๆ ใน BMW R1250 GS Adventure HP ก็มีอยู่แต่ราคาก็ 1.174 ล้านบาทก็แพงกว่า Pan America
รูปทรงแล้วแต่นานาจิตตัง แต่การขี่ผมว่าขี่สนุก ขี่ง่าย ตัวรถไม่ใหญ่โตอลังการเหมือน BMW R1250 GSA โดยเฉพาะตรงถังน้ำมัน ซึ่งมีความเว้ารับกับขาเวลานั่งขี่ ยืนขี่ มันทำให้คนขี่มี Grip กับตัวรถตลอดเวลาเพราะเวลาใช้ความเร็ว ลุยๆ ขาต้องหนีบตัวถังรถตลอดเพื่อความมั่นคงในการขี่ และ เครื่องยนต์ ซึ่ง BMW R1250 GSA ใช้เครื่อง Boxer วางนอนขวาง แต่ Pan America ใช้สูบ V
ช่วงล่างปรับไฟฟ้า ก็ไม่ได้แตกต่างจากรถ Adventure ตัวท็อปๆ เบรกดีจาก Brembo เพราะถ้าคนขี่ Harley-Davidson จะรู้ดีว่าเบรกมันไม่ค่อยอยู่ ต้องเผื่อระยะเบรกไว้สักหน่อย แต่ Pan America ดีมาก เบรกหัวทิ่มเลย
ใครที่ชอบแนว Touring Adventure ก็ลองไปค่อมดู ไปขี่ดู ไปลองเล่นดู ว่าชอบไหม คุ้มไหมกับราคา 952,000 บาท
ถ้าอยากให้แนะนำไปเลยที่ AAS Harley-Davidson® ดีลเลอร์อันดับหนึ่งของไทย ทั้ง 4 สาขา ได้ที่ สาขาวิภาวดี, พัทยา, พระราม 4 และแฟชั่นสโตร์สยามพารากอน
Harley-Davidson Pan America 1250 Special
ราคา 952,000 บาท
เครื่องยนต์ 1,252 ซีซี Revolution™ Max 1250 แบบ V-Twin
เกียร์ 6 สปีด
พละกำลังสูงสุด 152 (PS)/150 (HP) ที่ 8,750 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 128 นิวตันเมตร ที่ 6,750 รอบต่อนาที
น้ำหนักรถ 245 กก.
ความจุถังน้ำมัน 21.2 ลิตร
ล้อและยาง ล้อซี่ขนาด 19 นิ้ว (น.) 17 นิ้ว (ล.)
120/70 R19 (น.), 170/60 R17 (ล.)