ออกนอกกรอบจาก One Man Show
ผันตัวมาจับธุรกิจร่วมทุน...สู่ Mitsu Ultimate
อีกผู้แทนจำหน่ายมิตซูบิชิอย่างเป็นทางการ อย่างโชว์รูมมิตซู อัลติเมท ซึ่งบริหารงานโดย คุณศุภชัย พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการ ของบริษัท มิตซู อัลติเมท จำกัด นำเอาประสบการณ์ที่เคยเป็น one man show ดูแลธุรกิจครอบครัว มาปรับใช้กับธุรกิจส่วนตัว โดยการร่วมหุ้นระหว่างผู้แทนจำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิ 2 ผู้แทนจำหน่าย เรามาฟังมุมมอง ความคิด รวมถึงการปรับตัวธุรกิจให้เข้ากับยุค New normal ในสังคมปัจจุบัน ว่าจะมีวิธีการอย่างไรบ้าง...
- ก่อนจะมาเป็นมิตซู อัลติเมท
จริงๆ แล้วผมทำไทยธาดามาก่อน ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัว มีพี่น้อง 3 คน ช่วยกันดูแลตามจังหวัดต่างๆ ส่วนผมดูแลอยู่กรุงเทพฯ จากนั้นผมก็มาร่วมหุ้นกับบริษัท มิตซู เอเชียวัฒนา ส่วนตัวคิดว่าโชว์รูมมิตซู อัลติเมท แห่งนี้น่าจะเป็นโชว์รูมแห่งแรกที่ผู้แทนจำหน่ายมิตซูบิชิมาร่วมหุ้นทำด้วยกัน โดยโชว์รูมของมิตซู อัลติเมท เราเปิดตัวไปแล้วอย่างไม่เป็นทางการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีพื้นทั้งหมด 3 ไร่ บริการครอบคลุม 4S คือ Sales, Service, Spare Parts และ Body&Paint โดยเฉพาะอู่สีเราทำเป็นที่แรกใน 2 ผู้จำหน่ายที่ร่วมหุ้นกัน เราศึกษาด้านนี้มานาน อู่สีรับบริการได้มากกว่า 60 คันต่อเดือน มีทั้งซ่อมหนักและซ่อมเบา ซึ่งเราใช้ไป 2 ไร่เต็ม และมีแผนที่จะขยายไร่ที่ 3 มาทำอู่สีเพิ่ม แต่ยังอยู่ในโปรเจคที่กำลังพัฒนาครับ
- ใช้เงินลงทุนไปเท่าไหร่ แล้วทำไมจึงเลือกทำเลนี้
โชว์รูมนี้ลงทุนไปประมาณ 80 ล้านบาท รวมที่ดินด้วย ที่เลือกทำเลนี้เพราะถนนเอกชัย บางบอน เป็นทำเลศักยภาพที่ทางมิตซูบิชิต้องการผู้แทนจำหน่ายมานานแล้ว เนื่องจากถนนพระราม 2 เป็นถนนเส้นหลักที่ไปฝั่งภาคใต้ คนก็หลีกเลี่ยงมาใช้ถนนเส้นเอกชัย บางบอนกันมากขึ้น ทั้งยังทะลุไปถนนเส้นเพชรเกษมได้ง่ายด้วย ต่อไปก็จะมีหน่วยงานราชการที่จะเข้ามา แล้วก็มีนิคมอุตสาหกรรมที่กำลังพัฒนาอยู่ด้วย ถนนเส้นนี้จึงมีความสำคัญมากขึ้น แม้พื้นที่จะขนาบไปด้วยคู่แข่งแต่เรามีผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าต้องการอยู่แล้ว นอกจากนี้ผมคิดว่าโชว์รูมเราเป็นโชว์รูมที่เน้นการให้เซอร์วิส และด้านศูนย์บริการมากๆ ด้วย รวมถึงอู่สีที่อาจจะไม่เห็นเลยก็ได้ในแถบนี้
- เชื่อมั่นอะไรในแบรนด์มิตซูบิชิ
ส่วนตัวคือความภักดีที่มีต่อแบรนด์มิตซูบิชิ ที่เราทำมากว่า 50 ปี รู้จักทุกอย่างของมิตซูบิชิมาหมดแล้ว คงต้องร่วมอนาคตไปด้วยกัน เรื่องที่ 2 คือเรื่องผลิตภัณฑ์ มิตซูบิชิมีรถในทุกโมเดล ทั้งรถนั่งขนาดเล็ก รถเอ็มพีวี อย่าง xpander หรือเอสยูวีรุ่นเล็ก อย่าง xpander Cross ที่อาจจะกึ่งเอ็มพีวีหน่อย มี Pajero Sport มีกระบะ คือมีผลิตภัณฑ์ครบทุกเซ็กเมนต์แล้ว จึงคิดว่ามันเป็นการทำธุรกิจที่ผมรู้สึกพอใจมากครับ
- ทำไมถึงเลือกทำธุรกิจที่ร่วมหุ้นระหว่างแบรนด์มิตซูบิชิด้วยกัน
เราต้องบอกว่า คนที่มาร่วมหุ้นกันต้องไว้ใจกันได้ก่อน เราเป็นพี่น้องมิตซูบิชิกันมาตั้งกี่สิบปี ซึ่งมิตซูบิชิตอนนี้เป็นอะไรที่น่าจะดีที่สุด อีกอย่างหนึ่งคือเวลาเราแชร์ค่าใช้จ่ายกัน ค่าใช้จ่ายก็ลดน้อยลง พนักงานในการดูแลแผนกต่างๆ มีความเชี่ยวชาญแตกต่างกันอยู่แล้ว ทำให้ค่าใช้จ่ายลดน้อยลงได้เยอะ
- จุดเด่นของโชว์รูมนี้คืออะไร
จุดเด่นของเราคือเซอร์วิสครับ เรามีระบบ CRM (Customer Relationship Management) ที่ดี ซึ่งระบบ CRM ของเราที่เราจัดทำขึ้นมา มีตั้งแต่เรานำลูกค้ากลับมาปัดฝุ่น เชิญทุกท่านเข้ามาร่วมงานแล้วก็มีการ Follow up ที่มีกฎเกณฑ์นับเวลาเป็นวัน อีกทั้งการจัดการข้อมูลสำคัญมาก ฉะนั้นเมื่อทำกิจกรรมออนไลน์ CRM จึงเป็นเรื่องที่จำเป็น โดยจ้างคนหรือบริษัทมาทำเรื่องนี้โดยเฉพาะ จุดเด่นอีกด้าน คือบริการอู่สี ลูกค้าส่วนมากมาใช้บริการอู่สี ถึงจะเป็นรถที่ซื้อมาจากโชว์รูมอื่นก็มาซ่อมกับเราได้ แม้แต่ในช่วง Covid-19 เราได้รายได้จากอู่สีพอสมควร เพราะลูกค้าซ่อมมากกว่าซื้อ ถ้ากลับสู่ภาวะปกติก็น่าจะดีกว่านี้
- วางกลยุทธ์หลังจากนี้ไว้ยังไงบ้าง และจะทำให้มิตซู อัลติเมทเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ยังไง
ต้องเน้นระบบ CRM แล้วก็ออนไลน์ครับ พอเป็นช่วง Covid-19 เรารู้เลยว่าระบบออนไลน์เป็นระบบที่สำคัญมาก และผมคิดว่าพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปเยอะ เพราะทุกคนติดกิจกรรมออนไลน์แล้ว เดี๋ยวนี้ทุกคนแทบไม่ต้องมาดูรถในโชว์รูมเท่าไหร่
การที่เราสื่อสารออนไลน์ในช่วง Covid-19 มา เราเห็นภาพชัด แพลตฟอร์มออนไลน์ในประเทศไทย เน้นอยู่ไม่กี่ประเภท ดังนั้นเราคงอยากให้เน้นหลายๆ ช่องทางมากขึ้น จะทำให้กระจายอะไรได้ดีกว่า ไม่ต้องผูกขาดด้วย
- พนักงานมีความพร้อมในการดูแลลูกค้าที่มาจากช่องทางออนไลน์ได้มากน้อยแค่ไหน
เรามีทีมออนไลน์โดยเฉพาะอยู่แล้วครับ ตอนนี้ยอดครึ่งหนึ่งของเรามาจากออนไลน์ ผมคิดว่าจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ด้วย ต่อไปอาจจะเป็นยอดขาย 70% ของทั้งโชว์รูมก็ได้ แม้สถานการณ์จะดีขึ้นแต่ผู้บริโภคยังรู้สึกคุ้นเคยกับการช็อปปิ้งอยู่บ้านมากกว่า นอกจากนี้เรายังมีบริการนำรถไปให้ลูกค้าทดลองขับถึงที่บ้านซึ่งมีทำมาก่อนแล้ว อย่าลืมว่า บางคนทำออนไลน์โดยไม่มีระบบ CRM เพราะมัวแต่โทร.ขายลูกค้า แต่ไม่รู้ว่าจะได้ไปเจอลูกค้าตามบ้านหรือเปล่า เพราะลูกค้าไม่ได้มาโชว์รูมเลย ผมว่าเรื่องนี้สำคัญกว่า ต่อไปดีลเลอร์อาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการไปหาลูกค้าตามบ้านเยอะขึ้น
- การออกบูธกระตุ้นยอดขายด้วยหรือไม่ และผลตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง
มีออกบูธไปตามตลาดเหมือนกันครับ เวลาเราออกบูธที่ตลาดเราก็จะมีการวัดผลด้วย ต้องดูว่าเราไปตลาดใหญ่แค่ไหน ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ เดือนหนึ่งก็มีออกรถเป็น 7-10 คันอยู่นะ แล้วเปลี่ยนตลาดไปเรื่อยๆ คนไปตลาด เขาก็แนะนำคนอื่นมาซื้อกับเราเหมือนกัน ไม่ใช่แค่พ่อค้าแม่ค้าในตลาดอย่างเดียว ใน 5 เดือนที่ผ่านมา เซลส์ว่างมากขึ้น เราก็ต้องหาอะไรให้ทำ โดยการนำรถเข้าไปถึงผู้บริโภค ที่จริงแล้วลูกค้าอยากได้รถมาก บางคนตอนนี้ไม่มีงานประจำก็มาขายของในตลาดนัด เขาไม่ได้ซื้อเพื่อความเพลิดเพลินแต่ซื้อเพื่อใช้งาน
- มองทำเลที่ไหนต่อจากนี้บ้างไหม
ตอนนี้ฝั่งนนทบุรีก็ยังขาดอยู่ครับ ละแวกนั้นเพิ่งมาเจริญในช่วง 4-5 ปีหลังนี่เอง การขยายสาขาต่อไป ก็คงเป็นการร่วมทุนเช่นกัน เราอยากทำงานลักษณะนี้มากกว่า การร่วมทุนก็มีสิ่งที่ดีนะ ผมไม่เคยร่วมทุนกับใครมาก่อนเลย เมื่อก่อนเป็น one man show ตลอด ซึ่งข้อดีก็คือ ผมได้ข้อดีของเขา เขาได้ข้อดีของผม เรียนรู้ซึ่งกันและกัน บางคนเก่งเรื่องการจัดการ บางคนเก่งเรื่องการขาย บางคนเก่งอู่สี แล้วเราก็ต่างมีลูกน้องที่ความสามารถต่างกัน ผมว่ามันก็ดีนะครับ
•••••••••