MG HS PHEV : ยลโฉม ส่องเครื่องยนต์ก่อนเปิดตัวจริง
การทดสอบในวันนี้ที่ทางเอ็มจี เซลส์ ประเทศไทยชวนสื่อมวลชนมาให้ทดลองขับ NEW MG HS PHEV รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด เป็นครั้งแรกในเมืองไทย ก่อนการเปิดตัวจริงปลายเดือนตุลาคม ณ สนาม MG Driving Experience Centre
สำหรับรูปลักษณ์ของ MG HS PHEV มีรูปทรงแบบรุ่น MG HS คือมีความสปอร์ตผสานกับความอเนกประสงค์ ใช้งานได้ทั้งในเมืองและออกนอกเมือง บุคลิกมีความทันสมัยโฉบเฉี่ยวมากขึ้น ไฟหน้าทรงโฉบเฉี่ยว แบบ LED Projector พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED (Daytime Running Lights) พร้อมไฟท้าย LED แบบ Space Light Field ล้อแม็กลายใหม่ 18 นิ้วสวยงาม กาบบันไดข้างสีดำตัดกับเงินเพิ่มความมีสไตล์กลมกลืนกับกระจกรถ ตลอดไปจนถึงสปอยเลอร์ ฝากระโปรงท้ายบ่งบอกความเป็นรถปลั๊กอินไฮบริดพร้อมเทคโนโลยี i-SMART
ภายในดีไซน์เรียบหรูทันสมัย MG HS PHEV มีรายละเอียดที่ปรับปรุงขึ้นมาคือบรรยากาศภายในห้องโดยสาร คือความสบายตา ห้องโดยสารกว้างขวางมากขึ้นด้วยสีสันทูโทนใหม่ สีเบจ-น้ำเงินเทา (เฉพาะตัวถังสีขาว) บุด้วยวัสดุ Soft-Touch ดูนุ่มนวลน่าดึงดูด ที่บริเวณแดชบอร์ด ประดูข้าง ตลอดจนช่วงคันเกียร์ รวมทั้งเบาะนั่ง ให้อารมณ์มินิมอล ไม่ยุ่งเหยิง การจัดวางเป็นสัดส่วนใช้งานง่าย จอมัลติฟังก์ชันมีความสบายงามล้ำสมัยยิ่งขึ้น เพิ่มฟังก์ชันการทำงานของระบบไฮบริดแบบเรียลไทม์ พร้อมยังสามารถแสดงผลระยะทางวิ่งที่ยังเหลือจากการคำนวณจากน้ำมัน และระบบไฟฟ้าได้อย่างชัดเจน เครื่องเสียง Bose ติดตั้งอะแดปทีฟ พวงมาลัยไฟฟ้า เปลี่ยนจากแพดเดิลชิฟต์เป็นตัว recover ของแบตเตอรี่แทน พร้อมอะแดปทีฟ ครุยส์คอนโทรล และระบบช่วยเหลือการขับขี่อีกครบครัน
MG HS PHEV ที่มาติดตั้งเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง ระยะในการชาร์จจาก 0-100% อยู่ที่ 4 ชั่วโมง ขั้นต่ำในการขับด้วยไฟฟ้าใช้ได้ 60-70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เมื่อฟังข้อมูลผลิตภัณฑ์เบื้องต้นเสร็จก็ถึงเวลาทดสอบ MG HS PHEV การทดสอบในสนาม MG Driving Experience Centre เราจะขับทั้งโหมดธรรมดา และโหมดไฟฟ้า ทั้งหมด 2 รอบสนาม
การทดสอบแรกเป็นการทดสอบอัตราเร่ง 0-100 กดคันเร่งลงไปรู้สึกได้ทันทีเลยว่าเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรตอบสนองดี ให้อัตราเร่งที่ค่อนข้างทันใจ ด้วยเพราะมีกำลังสูง ซึ่งผลออกมานั้นทำได้น้อยกว่า 10 วินาที การหน่วงของพวงมาลัยมีน้อย ต่อมาเป็นการทดสอบเลนเชนจ์ ที่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การควบคุมรถ ความแม่นยำของพวงมาลัย แม้จะเป็นพวงมาลัยไฟฟ้า ก็ให้น้ำหนักและความแม่นยำที่กำลังพอเหมาะ และสามารถปรับพวงมาลัยแบบ Normal ไปเป็น Sport ได้หากใครชอบการขับขี่ที่เฉียบคมมากขึ้นก็ปรับไปที่โหมด Sport ได้เลย อีกอย่างหนึ่งที่รู้สึกได้คือความนุ่มนวลของช่วงล่างมากขึ้น อาจจะเพราะน้ำหนักตัวที่มากขึ้นด้วย
เทคโนโลยีใหม่ของ MG ที่เป็นรถปลั๊กอินไฮบริดนั้นน่าตื่นเต้นมากที่เดียวสำหรับรุ่น MG HS PHVE โดยรวมแล้วอัตราเร่งดี ช่วงล่างนุ่ม ทั้งคุ้มค่าด้วยระยะขับขี่ 60-70 กิโลเมตร หากชาร์จแบตเตอรี่เต็มๆ ใช้งานทุกวันยังไงก็ประหยัดเงินในกระเป๋าสตางค์ได้มากทีเดียว รูปโฉมสปอร์ตและเหมาะใช้งานกับครอบครัว ซึ่งต้องลุ้นสเป็กและราคาอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง...