ท้าพิสูจน์ปอร์เช่ 911 สมรรถนะโดดเด่นไม่แพ้ใครใน Porsche 911 Roadshow
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จัดกองทัพรถสปอร์ตท้าความเร็วบุกสนามปทุมธานี สปีดเวย์ จัดกิจกรรม Porsche 911 Roadshow 2020 เปิดประสบการณ์สุดเร้าใจแก่ผู้ที่ชื่นชอบความสปอร์ตในแบบ ปอร์เช่ ด้วยสนามที่ออกแบบมาเพื่อทดสอบสมรรถนะต่างๆ ทั้งเพื่อเสริมสร้างทักษะในการขับขี่และควบคุมรถยนต์ปอร์เช่ภายใต้สถานการณ์ต่างๆ อย่างปลอดภัย ครั้งนี้นำทีมความแรง โดย รถยนต์ปอร์เช่ 911 เจนเนอเรชันที่ 8 รหัสตัวถัง 992 ที่เอเอเอส ได้จัดเตรียมไว้อย่างเต็มสูบ ได้แก่ 911 คาร์เรร่า เอส (911 Carrera S), 911 คาร์เรร่า เอส คาบริโอเล็ต (911 Carrera S Cabriolet), 911 คาร์เรร่า 4 เอส (911 Carrera 4S) และ 911 คาร์เรร่า 4 เอส คาบริโอเล็ต (911 Carrera 4S Cabriolet) พร้อมผู้เชี่ยวชาญการขับขี่รถยนต์ของปอร์เช่ (Porsche Instructor) และนักแข่งรถมอเตอร์สปอร์ตมืออาชีพแถวหน้าของเมืองไทย มาให้คำแนะนำพร้อมทั้งเทคนิคการขับอย่างใกล้ชิด
สนามในการขับทดสอบในกิจกรรม Porsche 911 Roadshow 2020 มีทั้งหมด 4 สถานี โดยทางทีมงานออโต้คาร์ได้ขับรุ่น 911 Carrera S สถานีแรกคือ สถานี “Handling” การขับสนามนี้จะต้องใช้ขับตามความเร็วที่กำหนด เมื่อถึงจุดที่ต้องเปลี่ยนเลนต้องหักพวงมาลัยอย่างกะทันหัน ซึ่งจะได้สัมผัสกับการจัดการเกี่ยวกับบอดี้ นั่นคือประสิทธิภาพในการยึดเกาะ รวมถึงระบบช่วงล่างของรถยนต์ปอร์เช่ สถานีที่ 2 คือ “Braking & Slalom” เป็นการผสมผสานระหว่างการเบรกและขับแบบสลาลอม ซึ่งได้มีโอกาสเร่งความเร็วเพื่อทดสอบระบบเบรกอันทรงประสิทธิภาพของปอร์เช่ โดยมีระบบรักษาเสถียรภาพและระบบป้องกันการลื่นไถลบนท้องถนนรองรับความปลอดภัย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำวิธีการใช้เบรกในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือการเบรกกะทันหัน อย่างถูกต้องและปลอดภัย และยังได้เรียนรู้วิธีควบคุมรถยนต์โดยใช้พวงมาลัยหักหลบสิ่งกีดขวางบนถนน การควบคุมทิศทางที่แม่นยำและความคล่องตัวของรถขณะเข้าโค้งทางแคบด้วยความเร็ว รวมถึงศักยภาพการทรงตัวและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อของรถยนต์ปอร์เช่ที่ยอดเยี่ยม และพร้อมด้วยสถานีไฮไลท์ที่สร้างความตื่นเต้นอีกด้วย สถานีสุดท้ายคือ Moose Test ผู้ขับขี่จะได้ทดสอบระบบเสถียรภาพการทรงตัวของรถ Porsche Stability Management (PSM) โดยขับ 2 รอบโดยเปิดและปิดระบบ PSM เพื่อสังเกตความแตกต่าง จะรู้สึกได้เลยว่าเมื่อเปิดระบบ Porsche Stability Management รถทรงตัวได้ดีทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างมั่นใจ
นอกจากนี้ ปอร์เช่ ประเทศไทย ยังแนะนำระบบการช่วยเหลือการขับขี่บนพื้นเปียก นั่นคือ Wet mode มาเป็นอุปกรณ์ช่วยเหลือมาตรฐาน โดยระบบจะรับหน้าที่ตรวจจับปริมาณน้ำที่ขังอยู่บนพื้นผิวเส้นทาง ปรับแต่งระบบควบคุมอื่นๆ และส่ง สัญญาณเตือน ไปยังผู้ขับขี่ เพื่อเตรียมความพร้อมล่วงหน้าให้แก่รถยนต์ทั้งคัน ตอบสนองต่อความปลอดภัยสูงสุดใน สถานการณ์สุ่มเสี่ยง เพียงกดปุ่มสั่งการทำงานหรือปรับตั้งผ่านชุดสวิทช์เลือกโปรแกรมการขับขี่บนพวงมาลัย (เมื่อติดตั้งชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะ Sport Chrono Package)
ปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า เอส คูเป้ และ 911 คาร์เรร่า เอส คาบริโอเล็ต เครื่องยนต์ 6 สูบนอน พร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จของ ทั้งสองรุ่น ให้กำลังสูงสุดที่ 450 แรงม้า (331 กิโลวัตต์) และเร่งความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 3.7 วินาที ความเร็วสูงสุด ปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า เอส คูเป้ ทำได้ที่ 308 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในขณะที่ 911 คาร์เรร่า เอส คาบริโอเล็ต ทำได้ที่ 306 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
911 คาร์เรร่า 4 เอส คูเป้ และ 911 คาร์เรร่า 4 เอส คาบริโอเล็ต ให้กำลังสูงสุดที่ 450 แรงม้า มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive ทั้งสองรุ่นเร่งความเร็วจาก 0-100 ภายใน3.6 วินาทีเท่านั้น ความเร็วสูงสุด และ 911 คาร์เรร่า 4 เอส คูเป้ ทำได้ที่ 306 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 911 คาร์เรร่า 4 เอส คาบริโอเล็ต ทำได้ที่ 304 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
การขับทดสอบใน Porsche 911 Roadshow ทำให้ได้สัมผัสนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนามาจากรถแข่งในกีฬามอเตอร์สปอร์ต ซึ่งถูกถ่ายทอดมาไว้ในรถยนต์ปอร์เช่ทุกคัน ทำให้สมรรถนะในรถยนต์ปอร์เช่ 911 Carrera S นั้นโดดเด่นน่าประทับใจ แม้จะได้ขับภายในเวลาจำกัดก็ตาม