TEST RIDE : BMW F 900 R หล่อ แรง ล้ำ!
BMW F 900 R โดดเด่นที่ไฟหน้าแบบโคมเดี่ยวขนาดใหญ่ และไฟส่องสว่างที่ปรับอัตโนมัติเวลาเข้าโค้ง หรือ Adaptive Cornering Light ซึ่งจะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยเวลาเลี้ยวเข้าโค้งโดยเฉพาะเวลากลางคืน นั่นคือระบบ Headlight Pro ไฟหน้า LED พร้อม Adaptive Cornering Light ที่ปรับองศาตามการเลี้ยวโค้ง ช่วยเปิดมุมมืดในโค้ง ทำงานด้วย 3 เงื่อนไขคือ องศาการเอียงรถที่ 10 องศา มีความเร็วเกินกว่า 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอยู่ในที่มืดช่วยได้เป็นอย่างดี ด้านในโคมมีตัวหนังสือ “R” โชว์ความเป็นสปอร์ต ระบบไฟส่องสว่างมีไฟแบบเดย์ไทม์รันนิงไลท์ แบบ LED รอบคัน ชิลด์หน้าขนาดเล็ก มีความเป็นโร้ดสเตอร์ มีความสปอร์ต ตัวรถมีความล่ำ บึกบึน
หน้าจอแสดงผล TFT ขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว มองเห็นชัดเจน แสดงข้อมูลต่างๆ ครบถ้วน ในหน้าจอจะมีธีมการแสดงผลแบบโหมด Sport ที่จะบอกค่าองศาการเอียงของตัวรถในขณะที่เลี้ยวเข้าโค้งซ้ายและขวา ซึ่งจะบอกองศาแบบเรียลไทม์ในตอนนั้น และยังแสดงผลค่า Brake ซึ่งเป็นค่าการกดเบรกในสถานการณ์ต่างๆ ว่าผู้ขับขี่ใช้งานขนาดเท่าไร รวมไปถึงชิฟต์ไลท์คือสถานะไฟเตือนให้เปลี่ยนเกียร์อยู่ขอบบนของจอ TFT ซึ่งตั้งค่าความสว่างและความเร็วของการกระพริบได้ และสามารถที่จะจับ LAP หรือเวลาต่อรอบได้เอาใจสายสปอร์ตที่ชอบขับขี่ในสนาม เรียกว่าล้ำสมัย ถูกใจ แน่นอน โดยที่ข้อมูลต่างๆ เหล่านี้จะถูกบันทึกไว้ทั้งหมด
BMW Connected APP เป็นแอปพลิเคชั่นที่ใช้เชื่อมต่อตัวรถเข้ากับสมาร์ทโฟน ผ่าน Bluetooth เพื่อที่จะดึงข้อมูลต่างๆ มาแสดงผลบนหน้าจอโทรศัพท์ และบันทึกข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการใช้งานและกำหนดการเซอร์วิส รวมไปถึงค่าการทำงานต่างๆ ที่เกิดขึ้นย้อนหลังได้ เช่น การโหลดแผนที่เพื่อใช้เดินทาง เกิดเหตุฉุกเฉิกล้อล็อก ABS ทำงาน หรือเกิดเหตุพื้นลื่น DTC ทำงาน ตัวแอปพลิเคชันก็จะบันทึกว่า ABS และ DTC ทำงานในช่วงเวลาไหน บนถนนเส้นทางไหน
ระบบกุญแจ Keyless Ride ของ BMW Motorrad จะมีความเหนือระดับขึ้นไปอีกขั้นด้วยที่สามารถเปิดฝาถังน้ำมันเชื้อเพลิงได้โดยไม่ต้องใช้ลูกกุญแจมาไขบิดที่ฝาถังน้ำมันอีกต่อไป
BMW F 900 R ใช้เครื่องยนต์ใหม่แบบ 2 สูบเรียง 895 ซีซี ที่ให้พละกำลังมากขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับให้กำลังอัดที่มากขึ้นจากการเพิ่มขนาดกระบอกสูบให้ใหญ่ขึ้น 2 มิลลิเมตร และมีการเปลี่ยนลูกสูบมาใช้ลูกสูบแบบฟอร์จ ให้กำลังสูงสุดอยู่ที่ 105 แรงม้า ที่ 8,500 รอบต่อนาที และให้แรงบิดอยู่ที่ 92 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบต่อนาที
เครื่องยนต์ตัวใหม่ยังมาพร้อมกับเคาน์เตอร์บาลานซ์เซอร์ใหม่ 2 ตัว ช่วยให้รถมีความสมูทมั่นคง อีกทั้งยังมีระบบ MSR ที่ช่วยควบคุมเอ็นจิ้นเบรกของรถที่จะเกิดขึ้นเวลาปิดคันเร่ง ซึ่งจะแตกต่างไปจากสลิปเปอร์คลัตช์ทั่วไป โดยจะตรวจจับการทำงานของคันเร่ง เวลาปิดคันเร่ง จะมีการหน่วงการทำงานของวาล์วเพื่อให้เอ็นจิ้นเบรกที่เกิดขึ้นนั้นนุ่มนวล ป้องกันล้อหลังล็อก ทำงานควบคู่กับควิกชิฟเตอร์แบบสองทางที่จะช่วยให้เข้าเกียร์ได้แบบไม่ต้องกำคลัตช์ทำให้การขับขี่สนุกมากยิ่งขึ้น เครื่องยนต์ 2 สูบตัวใหม่นี้ให้กำลังเครื่องยนต์ในรอบต้น กลาง จัดจ้านดี แรงบิดติดเมือดี น่าจะมาจากการปรับจูนใหม่ให้แรงบิดมาได้ดีขึ้นในรอบต้น ทำให้ขี่สนุกขึ้น มีความสปอร์ต ระบบการสั่งจ่ายน้ำมันผ่านคันเร่งไฟฟ้า ทำให้รถมีความแม่นยำ หนักแน่น และเร็ว มีความรู้สึกสปอร์ตสมความเป็น BMW F 900R
ช่วงล่างเดิมโรงงานนั้น ด้านหน้าเป็นโช้กหัวกลับ ด้านหลังเป็นโช้กเดี่ยววางอยู่กลางลำตัวของโครงสร้างกับสวิงค์อาร์มคู่ ตัวโช้กหลังเป็นแบบสตรัท ควบคุมการทำงานแบบไฟฟ้า หรือ Dynamic ESA (กระบอกสีทองทางด้านซ้ายคือมอเตอร์ที่จะปรับสภาวะการทำงานของเหลวในกระบอกโช้ก) ที่จะปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานได้ 2 แบบ Road และ Dynamic ที่จะคำนวณน้ำหนักบรรทุก และปรับเซ็ตค่าการทำงานของโช้กที่เหมาะสมกับการใช้งานได้ผ่านปุ่มตั้งค่าที่ปะกับทางด้านซ้าย โช้กหลังปรับไฟฟ้าหรือ Dynamic ESA ปรับเปลี่ยนได้ 2 โหมด ใช้งานง่ายเพียงปลายนิ้ว
โหมดการขับขี่หรือ Riding Mode แบ่งออกเป็น 4 โหมด โหมด Rain จะให้กำลังเครื่องที่นุ่มนวล จากการเปิดคันเร่งไฟฟ้า การทำงานของเครื่องยนต์จะไม่กระชาก แต่จะให้ความปลอดภัยที่มากขึ้น ระบบ DTC หรือไดนามิกแทร็กชั่นคอลโทรลจะทำงานอย่างละเอียดเวลาล้อหน้าหลังหมุนไม่เท่ากัน ซึ่งระบบนี้จะทำงานร่วมกับระบบเบรก ABS ป้องกันล้อล็อก ช่วยให้ทำงานได้อย่างเสถียรนุ่มนวลขี่ง่ายปลอดภัย ขณะฝนตก
โหมด Road เป็นโหมดที่มีค่ากลางๆ เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง เดินทางใช้ในชีวิตประจำวัน พละกำลังเครื่องยนต์ก็จะมาให้เพียงพอต่อการใช้งาน เพียงแต่จะมีแรงบิดเพิ่มมากขึ้นจากโหมด Rain การส่งกำลังลงล้อก็จะเพิ่มขึ้น แต่ยังขับขี่ได้สบายๆ ไม่ตึงมือมากจนเกินไป
โหมด Dynamic และ Dynamic PRO จะปล่อยกำลังแรงม้าและแรงบิดแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยมีเท่าไรใช้เต็มที่ จะได้ฟีลลิ่งสปอร์ตมากที่สุด คันเร่งไฟฟ้าจะตอบสนองและทำหน้าที่ได้อย่างรวดเร็ว ฉับไวในโหมดนี้ ในส่วนของระบบ DTC ก็จะลดทอนการทำงานลงมาตามลำดับเพื่อที่จะส่งกำลังลงพื้นได้อย่างเต็มระบบ ซึ่งโหมด Dynamic Pro นั้นจะต้องติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเป็นโค้ดดิงปลั๊ก ซึ่งจะช่วยให้สามารถขี่ได้สนุกมากยิ่งขึ้น
ระบบเบรกใช้ของ Brembo ด้านหน้าจะเป็นดิสก์เบรกคู่ทำงานร่วมกันกับคาลิปเปอร์เบรก 4 พ็อต และด้านหลัง ก็จะเป็นดิสก์เบรกเดี่ยว พร้อมระบบเบรก ABS ช่วยให้เบรกได้อย่างมั่นใจทุกการขับขี่ ล้อแบบ 5 ก้านคู่ขนาด 17 นิ้ว ไม่มียางใน
ขี่แล้วคุย : BMW F 900 R มีท่านั่งที่โน้มตัวไปด้านหน้า ซึ่งจะให้ฟีลลิ่งและท่านั่งขับขี่ค่อนไปทางสปอร์ตมากกว่าเน็กเก็ตไบค์ทั่วไป ทำให้สามารถบังคับเลี้ยวได้กระชับ ว่องไว เบาะนั่งยังเว้าซัพพอร์ตกับช่วงก้นที่เวลาเปิดคันเร่ง ทำให้ตัวไม่ไหลไปทางด้านหลัง ทำให้คอนโทรลตัวรถได้อย่างมีประสิทธิภาพมั่นคง มั่นใจ ระบบความปลอดภัยของ BMW F900 R ที่ใส่มาให้ค่อนข้างครบ ขี่แล้วมั่นใจ กล้าเล่น กล้าสนุกกับรถ แต่ขอแนะนำมือใหม่ที่จะมาเล่น BMW ทุกรุ่นควรที่จะทำความรู้จักกับตัวรถให้ดีก่อน ควรเริ่มที่โหมด RAIN ก่อน ซึ่งถือว่าเป็นโหมดที่คุ้มค่าการใช้งานมากที่สุด เพราะระบบความปลอดภัยมาเต็ม 100 ที่สนุก กล้าที่จะเปิดคันเร่งในโค้งขณะที่รถเอียงมากและระบบ Traction Control จะเข้ามาคอยช่วยไม่ให้ล้อหลังปั่นฟรี เป็นต้น
BMW F 900 R
ราคา เริ่มต้น 495,000 บาท
เครื่องยนต์ 895 ซีซี 2 สูบ
เกียร์ 6 สปีด
พละกำลังสูงสุด 99 แรงม้า ที่ 8,500 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 88 นิวตันเมตร ที่ 6,750 รอบต่อนาที
น้ำหนักรถ 211 กก.
ความจุถังน้ำมัน 13 ลิตร
ล้อและยาง 120/70 ZR 17 (หน้า), 180/55 ZR 17 (หลัง)