Royal Enfield Continental GT 650 หล่อ ใจดี ขี่สบาย!?!?
Royal Enfield Continental GT 650 2 สูบ สไตล์คาเฟ่คลาสสิกและยังคงเอกลักษณ์เอาไว้คล้ายกับรุ่น Royal Enfiled GT 535 1 สูบ แต่หารู้ไม่ทาง Royal Enfiled ใช้ชิ้นส่วนอะไหล่ที่แชร์กับรุ่น 535 เพียง 8 ชิ้นเท่านั้น! ตัวรถยังคงเอกลักษณ์ในแบบคาเฟ่เรเซอร์ ไฟหน้ากลมดวงโต หลอดไส้ฮาโลเจน รายละเอียดบนตัวรถของ Interceptor 650 ปั๊มเบรกหลังสีทองจาก ByBre พร้อม ABS จาก Bosch มี Oil Cooler ขนาดใหญ่ ที่วางไว้หน้าเครื่องหลายคนคิดว่าว่าหม้อน้ำ เรือนไมล์กลมคู่ กับการใช้งานแบบตรงไปตรงมา พร้อมด้วยหน้าจอแสดง ODO และ Trip และชิ้นอุปกรณ์สีดำเล็กๆ ที่ติดอยู่ตรงหัวเครื่องช่วยกันไม่ให้ช่วงเข่าไปสัมผัสกับความร้อนตัวเครื่องยนต์ได้อย่างพอดิบพอดี มาที่ประกับไฟซ้าย-ขวา เรียบง่ายแต่การใช้งานตามมาตรฐานครบครัน
ระบบกันสะเทือนหลังแบบมีซับแทงค์แยก ให้การตอบสนองที่ค่อนข้างนุ่มนวล ไม่กระโดดจนเกินไป Royal Enfiled Continental GT 650 จะมากับเบาะเดี่ยว พร้อมกับทรวดทรงของ “ตูดมด” แต่ถ้าไม่ชอบใจสามารถถอดเบาะของ Interceptor 650 มาใส่ได้เพราะมีที่พักเท้ารอไว้อยู่แล้ว ทรงท่อไอเสียออกสองข้างเสียงทุ้ม นุ่ม คล้าย Triumph ก็ว่าได้ พร้อมด้วยล้อขนาด 18” เป็นล้อซี่ลวด 36 ซี่แบบมียางใน ของ Pirelli Phantom SportComp ขนาดพิเศษยางหน้า 100 ยางหลัง 130
ขี่แล้วขอคุยหน่อย Royal Enfiled Continental GT 650 มาในรูปแบบของ Cafe Racer แต่งหล่อมาจากโรงงานเลย ท่านั่งที่โน้มไปข้างหน้า ตำแหน่งถังที่สอดรับกับช่วงเข่า ทำให้การขับขี่ Continental GT 650 นั้น “พร้อมซิ่ง” ด้วยตำแหน่งท่านั่งที่โน้มไปข้างหน้ามากขึ้นทำให้การใช้เบรกบน Continental GT 650 ทำได้อย่างหนักหน่วง พร้อมจิกเบรกได้หนัก ได้ลึก มั่นใจในความเร็วทั้งทางตรงและทางโค้ง ดิสก์หน้าเป็นแบบลอยตัวหรือโฟลตติ้ง จานเบรกขนาด 320 มิลลิเมตร คาลิปเปอร์ 2 สูบ จานหลังจานขนาด 240 มิลลิเมตร ปั๊มเบรก ByBre แบรนด์ลูกของ Brembo การทำงานของเบรกเองก็นุ่มนวลแต่ก็มีพละกำลังมากพอที่จะหยุดคุณอย่างปลอดภัย และยังปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยระบบ ABS Dual Channel ของ Bosch ที่ก็ทำงานได้อย่างนุ่มนวลมีระบบ Slipper Clutch และ Clutch Assist มันทำให้เวลาที่คุณเชนจ์เกียร์ลงแรงๆ เป็นเรื่องที่นุ่มนวลกว่าที่คิดแม้บางครั้งจะมีเสียง “อิ๊ดๆ” อยู่บ้างแต่อาการรถก็ยังนุ่มนวลอยู่ ระบบ Clutch Assist ก็ช่วยให้ก้านคลัตช์เบาและลดแรงภาระจากการที่นิ้วต้องเกี่ยวก้านคลัตช์ทั้งวันได้เป็นอย่างดี จังหวะในการมุดฝ่ารถติดก็คล่องตัว วงเลี้ยวแคบ ควบคุมรถได้ง่าย
กำลังของเครื่องยนต์ใหม่แบบ 2 สูบ ในพิกัด 650 ซีซีนั้น หนักแน่น ทำให้การเดินรถขึ้นบนทางชัน การส่งคันเร่งให้ออกจากโค้ง ทำได้อย่าง “สบาย” มากขึ้น ที่สำคัญ อาการกระแทก บนย่านความเร็ว 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้นหายไปหมดแล้ว แต่ด้วยช่วงหน้าที่ปรับตั้งมาให้แข็งขึ้น เพื่อตอบสนองกับการเลี้ยวได้อย่างคล่องแคล่วขึ้น ก็แลกมากับอาการหน้าส่ายเบาๆ เวลาที่เจอรอยต่อ โช้กหน้าเป็นแบบเทเลสโคปิคขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 41 มิลลิเมตร มีระยะยุบที่ 110 มิลลิเมตร โช้กหลังแก๊สคู่ปรับค่าพรีโหลดได้ 5 ระดับ
เครื่องยนต์พัฒนาใหม่ให้กำลังสูงสุดของเครื่องยนต์ 648 ซีซี อยู่ที่ 47 แรงม้าที่ 7,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 52 นิวตันเมตร ที่ 5,250 รอบต่อนาที โดยแรงบิดเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ นั้นมีมาให้ใช้ทั้งแต่ 2,500 รอบต่อนาที มีแรงบิดแบบต่อเนื่องหรือแทบจะเป็นเส้นตรงไปจนถึงรอบสูงๆ เครื่องยนต์ถูกวางองศาการจุดระเบิดไว้ที่ 270 องศาให้จังหวะการจุดระเบิดแบบต่อเนื่อง 1 2-1 2 ไม่ใช่ขึ้นพร้อมกันหรือสลับกันขึ้นทำให้เครื่องยนต์มีความนุ่มนวลซ้ำยังใส่ Counter-Balancer เข้าไปอีกฉะนั้นลืมแรงสั่นสะเทือนแบบในเครื่องรุ่นเก่าไปได้เลย นอกจากเสียงท่อไอเสียที่ทุ้มนุ่มแล้ว แรงสั่นสะเทือนในจังหวะเปิดคันเร่งเองนั่นก็แทบไม่เหลือเลยและแรงบิดของรถมีมาให้ใช้ตั้งแต่รอบต่ำและส่งพละกำลังไปยังรอบสูงได้อย่างรวดเร็วโดยมี เรดไลน์ที่ 8,000 รอบต่อนาที ก็ป้วนเปี้ยนแถวๆ 180-190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ต้องระวังอาการหน้าชกของรถที่ความเร็วราว 130-140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป บอกเลยชกแรงด้วย ถ้าคิดจะขี่เร็วใส่กันสะบัดหน่อยขี่ดีขึ้นเยอะ
สุดท้ายแล้วอยากให้คนที่คิดจะซื้อไปลองขี่ที่โชว์รูมของ Royal Enfiled ว่ามันตอบสนองสไตล์การขี่ของคุณได้มากน้อยแค่ไหน มันใช่สไตล์คุณหรือเปล่า มีความสุขในการขี่รถครับ
Royal Enfield Continental GT 650
ราคา 221,000 บาท
เครื่องยนต์ parallel twin 648 ซีซี
พละกำลังสูงสุด 47 แรงม้า ที่ 7,250 รตน.
แรงบิดสูงสุด 52 นิวตัน-เมตร ที่ 5,250 รตน.
เกียร์ ธรรมดา 6 สปีด
น้ำหนักตัวถัง 198 กก.
ความจุถังน้ำมัน 12.5 ลิตร
ล้อและยาง 100/90-18 (น.)
130/70-18 (ล.)