V.A & Sons Co.,Ltd.
Advance Activity Co.,Ltd.
21 Soi Viphavadee 32, Viphavadee-Rangsit Road, Jatujak, Bangkok 10900 Thailand
Tel. 02-5114020-2 Fax. 02-5114023
Autocar Magazine Co.,Ltd. (Thai edition)
21 Soi Viphavadee 32, Viphavadee-Rangsit Road, Jatujak, Bangkok 10900 Thailand
Tel.02-5138850-1

![]() |
ศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย แถลงความคืบหน้า "โครงการวิจัยเพื่อเมืองไทยไร้อุบัติเหตุ วันที่ 02/08/2019 09:09:13 ศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย แถลงความคืบหน้า "โครงการวิจัยเพื่อเมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” ศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย (Thailand Accident Research Center) ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยด้านอุบัติเหตุทางถนน ภายใต้สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย แถลงความคืบหน้าการวิจัยอุบัติเหตุที่เกิดกับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ใน "โครงการวิจัยเพื่อเมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” (In-depth Accident Investigation in Thailand) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก ฮอนด้าและยามาฮ่า เพื่อเก็บข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย ตั้งเป้าที่ 1,000 เคส ระหว่าง พ.ศ. 2559 ถึง 2563 ซึ่งล่าสุดเก็บข้อมูลแล้ว 600 เคส พบปัญหาเบื้องต้นคือผู้ใช้รถขาดทักษะในการคาดการณ์อุบัติเหตุ การควบคุมรถและไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน แนะวิธีแก้ปัญหาเร่งด่วนควรพัฒนาทักษะให้กับผู้ขับขี่เป็นลำดับแรก
ภายในงานได้รับเกียรติจาก นายแพทย์ อนุชา เศรษฐเสถียร ผู้ทรงคุณวุฒิด้านความปลอดภัยทางถนน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), มร. อะซึชิ โอกาตะ กรรมบริหารระดับสูง บริษัทเอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด, มร. โนะบุฮะรุ ทะคะฮาชิ ประธานบริษัท ยามาฮ่ามอเตอร์ เอเชียน เซ็นเตอร์ จำกัด และ รศ.ดร.กัณวีร์ กนิษฐ์พงศ์ ผู้จัดการศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย ร่วมงานแถลงข่าว ศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย ได้วิจัยหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุที่เกิดกับรถจักรยานยนต์ภายใต้ชื่อ"โครงการวิจัยเพื่อเมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดย บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด, บริษัท เอเชี่ยน ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด, บริษัท ยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด และ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด มีวัตถุประสงค์เพื่อค้นหาปัจจัยสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่เกิดกับรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างตรงจุดและเหมาะสม โดยทำการวิจัยจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจริงจำนวน 1,000 เคส ระหว่าง พ.ศ. 2559-2563 ล่าสุดโครงการ ได้เก็บข้อมูลแล้วรวมทั้งสิ้น 600 เคส และกำลังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง |