เผยโฉมครั้งแรกของโลกกับ
มิตซูบิชิ ไทรทันใหม่ L200
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น เปิดตัวรถกระบะสายพันธุ์แกร่งรุ่นใหม่ล่าสุด มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ หรือ แอล 200 เป็นครั้งแรกของโลกที่ประเทศไทย ซึ่งถือเป็นรถกระบะมิตซูบิชิรุ่นใหม่ล่าสุดที่ผลิตขึ้น ณ ศูนย์การผลิตแหลมฉบังของ บริษัทมิตซูบิชิ มอร์เตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นศูนย์การผลิตและส่งออกรถยนต์มิตซูบิชิที่สำคัญ โดยมิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ หรือ แอล 200 นับเป็นหนึ่งในยานยนต์เชิงกลยุทธ์ระดับโลกที่สำคัญยิ่ง สามารถตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าได้อย่างดีเยี่ยม
มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ หรือ แอล 200 ได้รับการพัฒนาขึ้นให้แกร่งลุยทุกอุปสรรค ด้านหน้าโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์การออกแบบ Dynamic Shield ผสานเข้ากับเส้นสายอันดุดันของฝากระโปรงหน้า พร้อมไฟหน้าดีไซน์ใหม่ ติดตั้งอยู่บนตำแหน่งที่สูงขึ้น ทำให้มีรูปลักษณ์ที่สง่างาม ทรงพลัง ตัวถังดีไซน์ใหม่ด้วยสัดส่วนที่โค้งมนตัดกับเส้นสายอันโฉบเฉี่ยว ทั้งยังมีซุ้มล้อขนาดใหญ่เน้นความแข็งแกร่งและทันสมัย
มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ หรือ แอล 200 มาพร้อมเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ได้รับการพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบ Super-Select 4 WD ll ที่มอบพละกำลังและควบคุมตัวรถได้อย่างเหนือชั้นที่สามารถฝ่าทุกอุปสรรคบนทุกสภาพถนน และระบบ Easy-Select 4WD ที่สามารถเปลี่ยนเป็นโหมดการขับขี่อย่างง่ายเพื่อให้เหมาะกับสภาพถนนที่แตกต่าง สำหรับการขับขี่บนเส้นทางออฟโรด ครบครันด้วยเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลืออำนวยความสะดวกด้วยระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน ควบคุมการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า ช่วยให้การขับขี่ขณะลงทางลาดชันหรือเปียกลื่นเป็นไปอย่างมั่นใจและปลอดภัย ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตาและแจ้งเตือนขณะเปลี่ยนเลน ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด และระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ช่วยลดอุบัติเหตุขณะรถออกตัว
สมรรถนะการขับขี่ของ มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ หรือ แอล 200 เหนือชั้นด้วยประสิทธิภาพการซับแรงกระแทกที่ดีกว่าเดิมด้วยโช้คอัพหลังที่มีขนาดใหญ่ขึ้น มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด จากเดิม 5 สปีด เพื่อเพิ่มสมรรถนะและการเร่งแซงได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมการขับขี่ที่นุ่มนวลขึ้น
มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ หรือ แอล 200 จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน เป็นต้นไป และจะทยอยเปิดตัวสู่ตลาดอื่นๆ ครอบคลุมกว่า 150 ประเทศทั่วโลก