ขอบคุณค่ะ อยากได้คำตอบจากคนใช้มิตซูแบบนี้ค่ะ

ผมใช้ mitsu pjs อยู่ครับ การเข้ารับบริการทุก 5,000 กิโลเมตร ยังคงต้องเข้ารับบริการอยู่เพื่อรักษาสิทธิการรับประกัน 150,000 กิโลเมตรครับ แต่ทุกระยะ 5,000 กิโลเมตร ไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องครับ แค่เข้าไปตรวจเช็คทั่วๆไปในจุดที่เค้ากำหนดครับ เสียค่าใช้จ่ายร้อยกว่าบาทเพื่อแลกกับระยะประกันที่มากกว่ายี่ห้ออื่นอีก 50,000 กิโลเมตรครับ ส่วนการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องที่ศูนย์บริการไม่ว่าจะใช้กึ่งสังเคราะห์หรือสังเคราะห์ 100% ก็เข้ารับการเปลี่ยนถ่ายครั้งต่อไปที่ 10,000 กิโลเมตรเหมือนกันครับ

อ่อ เข้าใจแล้ว  ตอนนี้ mitsu เค้ายกเลิก การตรวจเชคทุก 5000 โล ไปแล้วครับ น่าจะยกเลิกไปพักใหญ่แล้วด้วยครับ  ลองสอบถาม call center ของ Mitsu สำนักงานใหญ่ดูครับ  รู้สึกว่าจะให้เปลี่ยนไปเชคทุก 10000 กิโลเมตร แล้วครับ

แต่ถ้ารถคุณติดแก๊ส ผมแนะนำให้เข้าทุก 5000 โล น่ะล่ะ ดีแล้ว เพราะไม่เสี่ยงกับเครื่องยนต์ทำงานหนัก  เพราะเวลาตรวจเชค 5000 โล หรือ ทุกกี่โล ก็แล้วแต่ ไม่ได้แค่ถ่ายน้ำมันเครื่องอย่างเดียวเสร็จ เมื่อไหร่กัน เค้าจะเชคทุกอย่างเลย ถ้ามันมีอะไรเริ่มเสีย เค้าก็จะถามคุณก่อนว่าจะเปลี่ยนไหมครับ

แต่ถ้าไม่ติดแก๊ส เปลี่ยนทุก 10000 โล ก็ได้ เพราะตอนนี้ mitsu ยกเลิก 5000 โล ไปนานแล้วครับ  

                ที่คุณว่ามามันก็ไม่ ถูกและไม่ผิด........ครับ

   แต่เปลี่ยนที่ ทุก 5,000  หรือ 10,000 ก็ไม่ได้เกี่ยว กับยี่ห้อรถครับ....เรียนคุณดาว ลองกับไปอ่านความเห็นของเพื่อนๆดีๆ ตั้งแต่ แรกจนจบ อีกที่ครับ......

   คุณ อย่าไป เอา ยี่ห้อนั้น กับ ยี่ห้อนั้นไปเปรียบเทียบกันซิครับ 

(เซลล์ ก็คือ เซลล์ ครับ ไม่ใช่ ช่างฯ และก็ไม่ใช่ผู้ ชำนาญเรื่องเครื่องยนต์)

ขอบคุณค่ะ สนใจรถmitsu แต่เซลบอกต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก5,000KM ทุกรุ่น ไม่งั้นอาจมีผลต่อการประกันรถได้ ทั้งที่ยี่ห้ออื่นๆเขาเปลี่ยนกันทุก 10,000KM ทำให้ไม่อยากซื้อมิตซูเพราะไม่มีเวลาเข้าศูนย์บ่อยๆ และต้องเอารถไปทิ้งเป็นวันค่ะ หรือmitsu ต้องการรายได้ส่วนนี้มากเลยบังคับลูกค้าทางอ้อม  ไม่ชอบเลยค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความเห็นค่ะ

เข้าศูนย์เชคตรวจสภาพ  ตามคู่มือ เขาจะมีระยะบอกนะครับ เช่น 1000  5000  10000   20000    30000   ซึ่งแต่ระยะที่ระบุมาว่าต้องเชคอะไรบ้างเช่นที่ 1000  โลแรก เปลี่ยนน้ำมันเครื่องทิ้ง เชคระบบ ทั่วไป   10000  เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง  ไส้กรอง   เชคระบบ ฯลฯ  เป็นต้น อย่างคุณเชคทุก 5000 โล  ถ้าขยันเข้าศูนย์เป็นว่าเล่นก็ไม่ว่ากัน  แต่อันไหนเราทำเองได้ ก็ไม่จำเป็นต้องไปศูนย์เช่น เรื่องน้ำมันเครื่องเหล่านี้  สามารถไปเปลี่ยนปั๊มข้างนอกก็ได้ เกรดน้ำมันดีกว่าศูนย์เสียด้วยซ้ำไป  ซ้ำราคาก็ถูกกว่าคุณภาพดีกว่า ไม่ต้องเสียเวลาเข้าคิวนานอีก  ผมใช้รถมาเกือบ 40 ปี  ไม่เคยเปลี่ยน้ำมันเครื่องที่ศูนย์เลยครับ  นอกเสียจากเชคระยะเวลารับประกันคุณภาพของรถ   ตามคู่มือที่ให้มาเท่านั้น   5000  กม  เปลี่ยนบ่อยไป แนะนำ 10000 กม เปลี่ยนทีเดียวดีกว่าเพิ่มเงินอีกนิดเดียวแต่ได้ระยะเวลานานกว่า  5000 โลวิ่งแป๊ปเดียว  วิ่งถ้าในกรุงเทพฯ ไม่ต้องพูดถึง

จริง ๆแล้ว ผมว่าเปลี่ยนทุก 5000 โลน่ะดีแล้ว เพราะถ้าเราใช้บริการศูนย์มาตรฐาน การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องจะช่วยให้ได้รับการตรวจเช็คส่วนอื่น ๆไปด้วยครับ

แล้วทำไมคุณต้องเปลี่ยน ทุก 5000 โลล่ะ  คุณก็เปลี่ยนทุก 7000 - 10000 ซิ  หรือตังค์เหลือใส่ Full ก็เปลี่ยนทุก 30000 ไปเลย .......

ไม่เห็นจะเป็นปัญหานิครับ

  เรื่องนี้เป็นสำคัญครับ (เงินในกระเป๋าเรา,เงินในกระเป๋าสูนย์,และตัวรถเองครับ)

ถ้าคุณไม่มีความรู้เลยเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้(เครื่องยนต์ , น้ำมันเครื่อง, ศูนย์บริการ) ก็ทำตามคู่มือครับ และเข้าศูนย์ ให้ถูกตามที่เขาว่าไว้ครับ

.....แต่ถ้าคุณมีความรู้ดี ก็ทำตามใจตัวเองไปเลยครับ...จะดีกว่า และเสียเงินน้อยเกิดประโยชน์มากกว่าด้วย..

เรื่องแบบนี้เป็นเรื่อง .........สองคนยลดามช่องครับ...... ก็ว่ากันไป มีคนได้ ก็ต้องมีคนได้(เสีย)

ระยะเวลา และระยะทาง ในการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ขึ้นอยู่กับคุณภาพของน้ำมันเครื่องและความหนักกน่วงในการใช้งานครับ ไม่เกี่ยวกับเทคโนโลยีของรถครับผม
ถ้าต้องการเปลี่ยนที่ 10,000 ใช้รถไม่มาก ก็เปลี่ยนไปใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ หรือถ้าวิ่งทางไกลเยอะ เวลาไม่ถึง 6 เดือนก็ถึง 10,000 โลแล้ว ผมว่าใช้กึ่งสังเคราะห์ก็เหลือเฟือครับ ดูความหนืดให้เหมาะสมอย่างน้า yngwie ว่านะครับ

รถุใช้งานในเมืองกรุง  เครื่องยนต์ทำงานหนักวิ่ง 10000  เหมือนกับ 15000 กม เลย ถึงไม่ได้วิ่งแต่ก็จอดแช่ติดไฟแดงนานๆ  เครื่องยนต์ทำงานหนัก  น้ำมันเครื่องก็พลอยรับภาระหนักไปด้วย   ถ้าเป็นดีเซลเปลี่ยนเป็นกึ่งสังเคราะห์ก็พอ สังเคราะห์น้ำมันมันใสมาก  แต่ถ้าเครื่องยนต์ยังใหม่ก็ไม่เป็นไรเปลี่ยนได้แต่ถ้าเครื่องเก่าแล้ว ไม่แนะนำเพราะจะระเหยและพร่องเร็ว  ใช้กึ่งสังเคราะห์เบอร์ 15-40 ก็พอ  ทั้งสองคัน  ไม่ต้องสังเคราะห์ 100  หรอกครับ เสียโดยใช่เหตุอายุการใช้งานก็พอๆกัน สังเคราห์ะ 10000   กึ่งสังเคราะห์ 7500-8000  บางยี่ห้อ 10000 - 50000  กม เปลี่ยนครั้งของ บางจาก gold  แกลลอนละ สองพันกว่า ๆ แต่ต้องเปลี่ยนไส้กรองบ่อย ทุก 10000  กม  เพราะไส้กรองมันจะไปก่อน แต่ก็ต้องหามาเติมในส่วนที่ขาดไปอยู่ดี แนะนำ 7500-8000 เปลี่ยนทีเดียวดีกว่า  mitsubishi ไม่ต้องห่วงเทคโนโลยี่เหมือนๆ กัน ครับ  ไม่ได้ล้าสมัยเลย

 ถ้าจะเปลี่ยนที่ 10000 โล ต้องใช้สังเคราะห์แท้ 100  แล้วต้องเช็คน้ำมันเครื่องกันบ่อยหน่อย ว่ามันพร่องไปกว่าขีดที่กำหนดไว้หรือเปล่า จริงๆบ้านเราเมืองร้อนเปลี่ยนทุกๆ 5000 โล ได้ก็ดีครับ ยังถ่ายเร็วยิ่งเป็นผลดีต่อเครื่องยนต์

มันขึ้นอยู่ที่เกรดของน้ำมันเครื่องรึเปล่าครับ เช่น สังเคราะห์ / กึ่งสังเคราะห์ / ธรรมดา ลองดูนะ  โชคดีครับ...

ขออภัยครับ ที่หลายคำถามมี IP adress เดียวกันแต่คนละชื่อ คือลูกชายผมก็เข้ามาถาม(ต้นน้ำ) แฟนก็ถามข้างบน คือใช้คอมพ์เครื่องเดียวกัน อยากได้รถคนละคัน แต่คนจ่ายเงินมีคนเดียวคือผม 555...........