ด้วยความจริงใจ ถ้าไม่อยากปวดหัววิ่งหาอู่ซ่อม ไม่เน้นสมรรถนะ และภาพลักษณ์เลือกมาร์ช แล้ววิ่งไปซักพักถ้ารับค่าน้ำมันไม่ไหวก็จับติดแก๊สเลยครับเลือกเกียร์ธรรมดาได้ยิ่งดีครับ ประหยัดโคตรๆ

ส่วนตัวใช้เบนซ์เหมือนกัน Benz E220=C นั้นเท่าที่ผมรู้จะเริ่มผลิตปี 1994 ถึง 1997 มั้งครับ จากปีรถที่คุณบอกมามั่นเป็นบอดี้ E หลัง ดูง่ายๆ ที่แผ่นเพลตหน้ารถตัวอักษรเป็นรหัสอะไร ปีแรกของบอดีนี้น่าจะปี 1987 ครับ รหัสตัวถัง Code A  ตัวที่ 2  Code B ครับน่าจะเริ่มปี 1992-1993 ซึ่ง Code A กับ B จะเป็นรุ่น 230E หรือ 300E  2 ตัวนี้ถ้าช่างฝีมือไม่ถึงติดแก๊สปวดหัวมากๆ อาการคือวิ่งแล้วเบาดับ เหมือนพวกคอมมอนเลว สมัยนี้เลยครับ แต่วิ่งน้ำมันได้ดีไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นตัว C เครื่องยนต์ทันสมับขึ้นมาแล้วเป็นวาล์วแปรผันเหมือนอัลติสแล้ว ติดแก๊สได้ไม่มีปัญหาครับ แต่กว่าคุณจะซ่อมให้มันสมบรูณ์ได้รวมติดแก๊สแล้ว 1 แสนน่าจะเอาอยู่แล้วใช้ยาวเหมือนรถป้ายแดงไปเลยครับ กินก็ประมาณ 10-12 โลลิตร ช่วงล่างของมันทนแล้วเกาะถนนมากๆ ครับ ข้อเสียกระจกมองขวาบอดต้องไปซท้อมาติดเพิ่มไม่งั้นเวลาเปลี่ยนเลนส์ลำบาทครับ เปลี่ยนได้ในราคา 990 บาทครับที่นี่ http://www.thaisparepart.com/ 

** สรุปรถเบนซ์รุ่นนี้เหมาะกับเป็นรถคันที่ 2 มากกว่าครับ เพราะซื้อมาแรกๆ เดือนแรกมันจะอยู่อู่มากกว่าอยู่กับคุณครับ

เวลาผ่าน 22 ปี อะไรที่เคยดีคงจะ..ผิดกันราวฟ้ากับดิน....เอาง่ายๆแค่แอร์....ใครจะเย็นและเสียค่าซ่อมน้อยกว่ากัน..สด

ยางมาร์ชก็คงจะอยู่อีกนาน..เอาเบนต์มาจับทำแอร์เปลี่ยนยางก็คงจะไม่น้อยื

หากน้าอริสฯ เล่นเปรียบเป็นหญิง ป้าแกต้องไปเกิดใหม่สถานเดียวละครับ 555 ถึงจะสู้น้องมีนาได้

ดูจากความต้องการของ K. pompom ที่เน้นประหยัดน้ำมัน เมื่อมองอดีตอันเกรียงไกรซึ่งล่วงเลยมาถึง 22 ปีแล้วของเบนซ์ ก็น่าจะเป็นรองความสดมาร์ชอยู่นะครับ แหมถ้าจะเปรียบเป็นหญิงนี่ก็คงคล้ายๆ อดีตนางงามปะทะพวกสวยใสวัยปิ๊งแบบนี้ถ้าจะให้ป้าแกสู้หลานรุ่นหลานได้ก็คงต้องศัลยกรรมทั้งร่างแหละครับ งานนี้คบเด็กดีกว่าครับ

marchดีกว่ามั่งครับ ใหม่สดไม่ต้องซ่อม แม้อาจจะดูเล็กไปหน่อย แต่benz รถ22ปีแล้ว น้าว่ามันจะต้องดูแลมากน้อยแค่ไหน ถึงจะเปลี่ยนเครื่องใหม่ก็เถอะ แต่ผมว่ารถมันมีกายภาพของมันครับ