พวกแวดวงยานยนต์เพี้ยนสร้างรถซดน้ำมันแบบ 6 รูปแบบให้พวกเศรษฐีผลาญน้ำมันไปเรือย แล้วมาบอกว่าเป็นของดี ดูเหมือนไม่มีเข้าใจรายงานที่คนพิมพ์ แถมใช้สูตรโกงประหยัดน้ำมัน ด้วยเพิ่มตัวความเร็วเข้าไป สูตรสากลไม่มีตัวแปรความเร็ว ก็เท่านั้น และไม่มีความเร็วประหยัดน้ำมัน

โคตรเบื่อเรื่องที่พวกคุณทำเรื่องไร้สาระ ที่มาโฆษณาว่าประหยัดน้ำมัน ของดี ด้วยของที่สอบตกในยุโรป 6 รูปแบบ มาจากกองทัพ ราชวงศ์ รัฐบาล คนเครือภาพยนต์ สายลับ

ข้าพเจ้าเป็นคนนรินาม ไม่ประสงค์บอกชื่ออยู่แล้ว

จาก

ผู้โดนต่อต้านสังคม

เครื่องยนต์เบนซิน 1-4 turbo intercoolerในทุกรูปแบบ ดังกล่าวพังง่าย เนื่องจาก น้ำหนักตัวถังรถ ความร้อนจาก turbo ต่อให้มีระบบหล่อเย็นในตัว รอรอบบูส ซดน้ำมันในช่วงต่ำกว่า 1 กม. ต่อ ลิตร และช่วง 1-5 กม. ต่อ ลิตร และเป็นเครื่องยนต์ดูแลรักษายากกว่า ค่าซ่อมแพงกว่าเครื่องยนต์เบนซินไม่มี turbo ของทุกยี่ห้อ 

จาก ประวัติการใช้ของทุกยี่ห้อ

 เครื่องยนต์เบนซิน 1-4 turbo intercooler ทั้งหมดในทุกรูปแบบของทุกยี่ห้อ มีสถานะ พังง่าย อัตราเร่งไม่ต่อเนื่อง เกินกำลัง ต่ำกว่า 1 กม. ต่อ ลิตร และช่วง 1-5 กม. ต่อ ลิตร ถาวร ต่อให้เปลี่ยนแบบยังไง ไม่ต่างจากเดิม

จาก

ฐานข้อมูลทดสอบสมรรถณะของทุกยี่ห้อ

ความคิดเห็นย่อมแตกต่างกันครับ ดีคนละอย่าง แต่ถ้าทนดีเซลทนกว่าจริง ถ้าวิ่งไปวิ่งมาระยะสั้น ไม่ควรใช้แก๊ส ไม่คุ้มค่าซ่อมบำรุง แต่ถ้าวิ่งระยะยาวทุกวัน100ก.มขึ้นไปใช้แก๊สดีกว่าครับ

โดยส่วนตัวผมชอบดีเซลครับ แต่ใช้เชื้อเพลงทางเลือกได้น้อย เผื่อน้ำมันดีเซลราคาสูงขึ้น

โดยส่วนตัวผมชอบดีเซลครับ แต่ใช้เชื้อเพลงทางเลือกได้น้อย เผื่อน้ำมันดีเซลราคาสูงขึ้น

ปรองดองกันไว้ครับ, ทำเพื่อสังคมให้มาก เป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่กรุณาออกความเห็น   สุดท้ายก็เป็นการตัดสินใจของแต่ละบุคคล "เหรียญ มีสองด้านเสมอ"

 ยิ่งมังกรทองวิ่งกันเป็นล้านโล

เคยนั่งนิสสัน เอ็นวี เบนซิน แท้กซี่ วิ่งไปกว่าล้านโล ยังไม่เปลี่ยนเครื่องครับ

เย็นไว้โยม....คิดต่างแต่อย่าแตกแยกครับ...เรื่องจิ๊บๆ ^^

งั้นผมขวางเองแล้วกัน ขออภัยอย่างสูงที่ไปขวางคุณ ทุกคนที่เข้ามาเชียร์ดีเซลก็คงเสียความรูู้สึกกับคำพูดของคุณเหมือนกัน จะไม่ขวางแล้วครับ เชิญตามสบาย

อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าปล่อยลอยตัวน้ำมันดีเซลไป 40 กว่าบาทคุณยังว่าคุ้มอีกไหมครับ ในขณะที่เบนซินมีตัวเลือกมากมาย เช่น E85 ,E20 E10 , เบนซิน 95 , เบนซิน 91 , ก๊าซธรรมชาติ NGV และ แก๊ส LPG(ไม่ค่อยแนะนำมันเป็นเชื้อเพลิงผิดประเภทครับ) รถเมล์วิ่งก็เยอะขับก็โหดขนคนก็มากยังแปลงเครื่องยนต์ดีเซลมาใช้ก๊าซเลยครับทั้งๆ ที่รัฐก็เป็นคนจ่ายค่าเชื้อเพลิง

ทุกวันนี้เงินมันหายากข้าวของมันแพง ที่ผมเขียนถ้าอ่านดีๆ จะมีประโยชน์กับผู้ที่เดือดร้อนค่าเชื้อเพลิงครับ

** คุณเจมส์บอน คุณอย่ามาพูดแบบนี้ผมเสียความรู้สึกมากเลยครับ (ผมอยู่ของผมดีๆ คุณมาว่าผมทำไมครับ คุณรับเรื่องจริงไม่ได้คุณก็เชยๆ ไปครับ)

มันโบราณตรงไหนครับท่านในเมื่อรถเซอรวิสของศูนย์บริการของอีซูซุยังเป็นมังกรทองเลยครับ คุณสมใจพุ่มนึกก็ยังยืนยันว่ามันทน ผมไปขวางคุณตรงไหนครับ ที่ผมพูดมันเรื่องจริง พี่คนว่างแกก็ตอบแต่คำถามแบบเดิมๆ เหมือนก็อบข้อความมาตอบ พี่แกตีตรงช่วยผู้ที่เดือดร้อนจากอีซูซุได้กเท่านั้นครับ ผมก็เคยโทรคุยกับท่านครับแกก็แนะนำร้านดีๆให้ผมครับ รถไม่ว่าจะเก่าหรือจะใหม่มันก็คือรถครับ ออกมาปุ๊บราคามันก็ตกแล้วและไม่เกิน 3-6 เดือนก็ตกรุ่นทุกยี่ห้อมาตราฐาน เกวียนมันไม่ทนหรอกมันเป็นไม้ ไอ้ทีผุๆ ผมเอาเกวียนมาทำรั่ว ทำโต๊ะอาหารที่บ้าน(งงอ่ะดิ) คุณไปเอามาจากไหนมว่ามันทน อยู่ๆ คุณก็เข้ามาใส่ผม ผมไม่เคยใส่ใครก่อนนะครับ สังเกตได้จากทุกกระทู้ที่ผมตอบมันคือเรื่องจริงและข้อเท็จจริงทั้งหมดครับ

****ต้องกรอบขออภัยท่านอาจารย์ด้วยนะครับ ที่อธิบายไม่ได้ต้องการจะเถียงข้างๆ คูๆ ให้ชนะ แต่แค่เปรียบเทียบให้ดูว่าเทคโนโลยีใหม่มันพัฒนาขึ้นมาใช่ว่าจะดีเสมอไปนะครับ ผมก็เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงให้เห็นทั้ง 2 ด้าน แล้วให้ผู้อ่านตัดสินใจ ไม่ได้บอกว่าอะไรดีกว่าอะไรก็เท่านั้น เพราะผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับใครทั้งนั้นครับท่าน

ช่างขวางดีแท้  ผมเพิ่งเข้าใจว่าทำไมพี่คนว่างแกถึงไม่อยากจะอยู่ มีคนแบบนี้นี่เอง ไปลากมังกรมาสู้จะโบราณไปไหน ไม่เอาเกวียนมาเลยจะดีกว่ามัยไม่ต้องซ่อมอึดทน ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนรวมทั้งอาจารย์ด้วยนะครับ

ดีเซลยุคเก่าทนจริงๆ ไม่มีใครเถียงหรอก เพราะมันเรื่องจริงผมก็ใช้ ยิ่งมังกรทองวิ่งกันเป็นล้านโล แต่รุ่นใหม่แค่ 160,000 นี่ผมว่ามันยังกระจอกมากเลยยังไม่ถึงจุดซ่อมมันครับ เอาเรื่องมลภาววะมาอ้างมันไม่เข้าท่าหรอกครับ รถอะไรมันก็มีมลพิษทั้งนั้น รักโลกจริงก็ใช้จักยานครับอยู่บ้านห่างตลาด 1 กม. กว่าผมก็ใช้จักรยานไปจ่ายตลาด แต่มาทำงาน 40 โล ปั่นไม่ไหวครับ นั่งรถก็ต้อง 3 ต่อ ขับรถติดก๊าซประหยัดกว่ากิโลละ 0.40 สตางค์ มีดีเซลไว้วิ่งเวลาฝนตกเหมือนกันครับโลละ 2 บาท(จอดเป็นเดือนสตาร์ทชึ่งเดียวก็ติดทนจริงๆ มังกรทอง 17 ปีแล้วว) ไม่ได้กลัวเบนซินดับ แต่รถมันเตี้ยสงสารรถ น้ำมันดีเซลที่ดีที่สุดคือเซลวีพาวเวอร์ ปตท. ก็โอเคแต่ไม่พุ่งเท่าวีพาวเวอร์ เบนซินคาลเทกดีสุดครับ แก๊สโซฮอลไม่รู้ไม่เคยยุ่ง รถอะไรมันก็เสียได้ทั้งนั้นไม่ว่าเครื่องดีเซลหรือเบนซิน เมื่อวานเห็นผู้ยืนหน้าเหว่อ ยางแตกเปลี่ยนไม่เป็นแคมรี่ตรงเยาวราช หน้าภัตคารอะไรซักอย่าง รู้สึกจะโทรให้มอเตอร์ไซด์มาช่วยเปลี่ยนให้ พวกเบนซินบีเอ็มถ้าคนรู้เรื่องรถจริงๆ จะรู้ว่ามันมีปัญหาตรงเครื่องยนต์เค้าออกแบบมาให้ใช้มาตรฐานน้ำมันยูโรบ้าบ๊อในต่างประเทศ แต่ในประเทศไทยยังไม่ถึง แต่ผู้นำเข้าเบนซ์ท่นำเข้ามาขายเค้าได้ปรับเปลี่ยนอุปกรณ์บางอย่างแล้วจูนให้เหมาะกับบ้านเราแล้ว ส่วนดีเลอร์ที่ขายได้ถูกกว่านั่นแหละมีปัญหาครับเครื่องยนต์มันยังไม่ได้ปรับเปลี่ยนปัญหาวิ่งแล้วดับกับอาการรอบเดินเบาไม่นิ่งจะตามาครับ

***********ใช้จริงและข้อมูลจริงถึงกล้าพูดครับ เรื่องไม่จริงจะเอามาพูดทำไม ไอ้พวกอ้างทฤษฎีก็ปล่อยมันบ้าไปครับ ผู้ใช้ถนั่นแหละเป็นตัวพิสูจน์ครับ ไปจ้างนักวิเคราะห์ให้ขายไข่เป็นกิโลแม่ค้าด่า แม่งเอาส้นตีนอะไรคิดวะ สุดท้ายก็ต้องขายเป็นใบเหมือนเดิม อีโก้คาร์บอกวิ่งได้ 20 โลลิตรตามทฤษฎี เอามาใช้จริงเกิน 15 ก็เก่งแล้ว

โลกในยุคปัจจุบันในประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนมากให้น้ำหนักไปที่ดีเซล เนื่องจากให้ความประหยัดต่อกิโลเมตร และควบคุมมลพิษได้ดีกว่า ผมจะไม่พูดเรื่องเบนซินติดแก๊สเพราะไม่ใช่ประเด็นหลักที่จะเอามาเปรียบ โดยส่วนตัวที่บ้านมีแต่ดีเซล  เรื่องความทนทานหายห่วง ผมยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าฝนตกหนักมากๆจนน้ำท่วมถึงท้องรถแล้วเราจำเป็นต้องกลับบ้าน เครื่องทั้งสองชนิดผมว่าถ้าเป็นเบนซินผมคงไม่กล้ากลับเพราะมีความเสี่ยงสูงที่จะดับ แล้วยิ่งเป็นผู้หญิงถ้าให้แนะนำหารถดีเซลใช้ปลอดภัยกว่าครับ ความเสี่ยงที่จะตายกลางทางมีน้อย แล้วยิ่งดูแลไม่เป็นก็ไม่เท่าไหรขอให้เข้าศูนย์เปลี่ยนน้ำมันเครื่องให้ตรงเวลาก็พอแล้วอย่าให้น้ำแห้ง เวลาเติมน้ำมันก็เติมแต่ ปตท ที่คนใช้บริการมากๆจะได้น้ำมันสะอาดแค่นี้ก็พอแล้วครับ ที่เชียร์ปตท เพราะผมว่าน้ำมันเค้าดีจริงครับจากที่เคยเติมรถผมไม่เคยมีปัญหาเลยครับ อย่าไปกลัวครับว่าคอมมอลเลวจุกจิก คันที่ผมขับทุกวันนี้วิ่งมา160000 แล้วยังสุดยอดครับ benz bmw ทุกวันนี้คอมมอลเลวออกมามากมาย แล้วเรื่องน้ำมันถ้าใส่ใจเลือกปั๊มสักนิด ยังยืนยันว่าน้ำมันบ้านเรามีคุณภาพดีพอที่จะเติมรถหรูได้สบายครับ ที่อ้างว่าพังเพราะน้ำมันไม่น่าจะถูกต้อง น่าจะเป็นที่สถานีบริการที่ไม่ได้มาตรฐานมากกว่า ถ้าน้ำมันไม่ดีพอ พวกรถหรูคงไม่กล้าขายหรอกครับ แล้วน้ำมันที่ขายอยู่ทุกวันนี้ก็มีการตรวจสอบจากรัฐอยู่แล้ว มาตรฐานการกลั่นของเราไม่แพ้ชาติใดในโลก ผมเองไม่มีความรู้เรื่องรถมากมายแต่ตอบจาก การใช้รถของผมเองครับ

จากประสบการณ์ผมใช้รถเครื่องดีเซลมาหลายคันและเบนซินสามคัน เรื่องการตอบสนองของเครื่องยนต์ผมชอบเครื่องดีเซลมากกว่ายิ่งเดินทางไกลแล้วขับสนุกมาก ค่าซ่อมบำรุงนั้นถึงจะดูว่าเครื่องดีเซลค่าซ่อมแพงแต่เชื่อไหมครับตลอดเวลากว่ายี่สิบปีผมเคยซ่อมใหญ่เครื่องดีเซลเพียงครั้งเดียว สาเหตุมาจากผมเองที่เปลี่ยนสายพานราวลิ้นแล้วไม่เปลี่ยนลูกรอกเลยต้อง overhall ถ้าดูแลดีดีแล้วแทบไม่มีปัญหาอะไรเลย บางคันเคยใช้ถึงห้าแสนกิโลไม่เคยเสียเลย มีบางคนใช้เป็นล้านกิโลก็ยังใช้ได้อยู่แต่ผมไม่เคยใช้ขนาดนั้นเพราะบอดี้มันไปเร็วกว่าเครื่องครับ

 ผมย้อนศรครับ  ใช้ดีเซลมาตลอดพอคนเริ่มนิยมดีเซล ผมหันไปสนใจเบนซิน ปัจจุบันผมไม่มีดีเซลแล้ว เลิกใช้ มาใช้เบนซินติดแก๊สและก็พอใจครับ

เราอยู่ประเทศไทยก็มองราคาในประเทศไทยครับอันไหนราคาถูกเราก็ใช้อันนั้น(มองในด้านราคาครับสำหรับคนจน) เรากินข้าวไม่ได้กินขนมปังหรือแฮมเบอร์เกอร์เป็นหลักครับ รถตามขบวนเสด็จยังใช้NGV เลย ตำรวจทางหลวง ตามสน.ก็ใช้ NGV  แท๊กซี่ปกติประเทศไทยก็ไม่มีดีเซล

********ผมไม่ได้ว่าเบนซินดีกว่า แต่เบนซินมันติดแก๊สแล้ววิ่งประหยัดดกว่าในด้านราคาเชื้อเพลิงครับ รวมถึงค่าซ่อมอุปกรณ์ต่างเมื่อเทียบกับพวกคอมมอนเล้วต่อชิ้นก็ถูกกว่าหลายเท่าครับ (ถ้าเป็นเครื่องมักกรทองจะไม่เถียงเลยครับมันทนมือทนตีนครับแถมประหยัดด้วย)

ระบบดีเซลสมัยนี้มันประหยัดและแรงจริงแต่ความทนทานมันต่ำ(เจอน้ำมันไม่สอาดอีกทั้งมีระบบอีซียูเข้ามาช่วยเสีย) แล้วบ้านเราน้ำมันไม่ได้มาตรฐานเหมือนต่างประเทศ ผมอยู่ในคลับเบนซ์เจอปัญหาเบนซ์ดีเซล์ประจำ(ในพวกที่ซื้อจากตัวแทนนำเข้าอิสระ) ถ้าซื้อจากตัวแทนเบนซ์โดยตรงจะไม่มีปัญหา แล้วมันซ่อมกันหลักแสนบาทครับ ในคลับเบนซ์ส่วนใหญ่มีแต่เครื่องเบนซินติดแก๊สวิ่งกันเกิน 200 ทั้งนั้น พวกนี้เค้ารวยเค้ายังใช้แก๊สเลย พวกนี้ส่วนใหญ่ซ่อมเองเป็นเกือบหมดหรือมีอู่ไว้ใจได้ประจำ

** ราคาเราไม่ใช่รัฐมนตรีเรากำหนดราคาไม่ได้หรอกครับ ขืนรัฐราคาขั้นแก๊สกับดีเซล ไม่ว่ารัฐไหนมันก็อยู่ไม่ได้ ประเทศเราประชาธิปไตยไม่ใช่เผ็ดจการ พวกเผ็ดจการมันก็อยู่ประเทศไทยไม่ได้เห็นไหมครับ เรามีหน้าที่จ่ายภาษีก็จ่ายไปครับ ขับรถให้มันถูกกฎหมายก็เท่านั้น

ดูรถแดรกประจำทางเคเบิ้ลไม่เห็นมีใครเอาดีเซลมาแข่งแดรกเลยถ้าแรงจริง (คนไทยเก่งทำรถเองได้ทั้งคน แต่ไหงไม่มีรถของคนไทยที่ออกมาขายอย่างจริงจัง) เคยเห็นหน่วยงานทหารผลิตยางออกมาใช้ในหน่วยงานตัวเอง ประหยัดค่าใช้จ่ายได้หลายบาทเลยทีเดียว ไม่ต้องอะไรมากหน่วยงานของรัฐใช้รถของรัฐก็ประหยัดไปได้มากแล้ว

**มีคนตอบว่าต้นทุนผลิตดีเซลมันสูง คำตอบมันก็อยู่ที่ตัวมันเองแล้วว่าค่าซ่อมมันก็ต้องสูงตามไปด้วย เครื่องคอมมอนเลวเช็คปั้มหัวฉีดต้องมี 10,000 บาท เครื่องสมัยก่อนมังกรทองเช็คปั้ม 5 พันก็หรูแล้วครับ เดี๋ยวก็จะมีคนออกมาบอกสมัยมันเปลี่ยนเทคโนโลยีมันเปลี่ยน รถใหม่ออกมาไม่มีรุ่นไหนที่ราคาถูกกว่าเก่า มีแต่เพิ่มราคา ผู้ผลิตมันเอาเปรียบผู้บริโภคทั้งนั้น ทีรถตกรุ่นเสือกรถราคาลงได้ซะงั้น ตอนออกมาใหม่ๆ เสือกบอกต้นทุนผลิตมันเพิ่มขึ้น(มีปากก็พูดกันไป) ที่ยกตัวอย่างดีแม๊ก คือคนในบอร์ดนี้ก็รู้กันหมดว่ามันกินน้ำมันเครื่องจริงๆ แล้วมันคือเรื่องไหมที่ผมพูด ผมไม่ได้เกลียดอีซูซุ เพราะที่บ้านผมก็ใช้อีซูซุหลายคันครับ

**ความเห็นส่วนตัวขออภัยคุณนนด้วยนะครับ

อาจารย์ตอบตั้งสองทีแน่ะ.... อิอิ

ผมขอแชร์นิดนึงนะครับ ว่าเหตุที่เครื่องเบนซินยังนิยมสูงในเก๋งบ้านเรา อีกประเด็นเป็นเรื่องของราคาด้วยครับ เพราะต้นทุนเครื่องดีเซลสูงกว่า ราคาขายสูงต้องกว่า เจ้าตลาดที่เน้นชูปริืมาณขายแข่งกัน จะเสียเปรียบทั้งในด้านกำไรและตัวเลขครับ

อีกข้อนึงคือบุคลิกของดีเซล(ที่ยังไม่พัฒนานัก)จะไม่เหมาะกับรถเก๋งที่คนขับชอบการตอบสนองว่องไว กดเปลี่ยนความเร็วรอบกวาดไปกวาดมา หรือเร่งรอบว๊อดๆๆ ออกจากไฟแดง เครื่องดีเซลไม่เหมาะกับงานแบบนั้นและจะพาลอายุสั้นครับ รวมไปถึงนิสัยคนไทยขี่เก๋งที่ 500 เมตรฉันก็ไม่เดินไปกินก๋วยเตี๋ยวแล้ว ขับรถไปดีกว่า การใช้งานแบบระยะทางสั้นๆ เดี๋ยวสตาร์ท เครื่องยังไม่ร้อนก็จอดแล้ว ยึกๆ ยักๆ ไม่ใช่การทำงานที่เหมาะสมกับเครื่องดีเซลครับ

ขออนุญาตแสดงความเห็นเสริมนิดนึงนะครับ  ถ้าประเทศเราใช้มาตรฐานการควบคุม "ทุกๆด้าน" แบบสากล และ "ปล่อยราคาลอยตัว" ทั้งหมด  ไม่ว่าเบนซิน, ดีเซล และ แก๊สทุกชนิด  ผมขอเดาว่า รถดีเซลจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นกว่าในปัจจุบันหลายเท่า  โดยเฉพาะรถเก๋ง  และสัดส่วนระหว่างรถญี่ปุ่นกับรถฝรั่งจะเปลี่ยนแปลง  นัยยะตามที่ผมเดานี่เอง  ทำให้เกิดข้อมูลแฝงสำหรับการประกอบการตัดสินใจของรัฐ  และทำให้เกิดการเผยแพร่ข้อมูลแฝงไปยังผู้บริโภค จนทำให้ใครก็ตามที่ออกมาให้ข้อมูลแย้งกับข้อมูลที่ส่วนใหญ่ปล่อยกันออกมา  มักจะ "โดนสวน" เต็มๆครับ

เห็นด้วยกับคุณ ขจกท เพราะบ้านผมก็ใช้เบ็นซินมาตลอด เพิ่งมาซื้อรถดีเซลเพิ่มเติมเมื่อไม่กี่ปีนี้เองครับ (เพราะสมรรถนะและความประหยัดครับ)....ที่บ้านเราเกิดปัญหาเพราะเราบิดเบือนความจริง...ดูที่ต่างประเทศสิครับ ราคาแพงกว่าหรือเท่ากับเบ็นซิน เขาก็ขายตามจริง ไม่เห็นมีปัญหาต้องมาอุ้มราคาเพื่อลดค่าขนส่งสินค้า แต่เขาพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องยนต์ให้ประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น หรือ หาปัจจัยอื่นมาเสริม เช่น การขนส่งทางรถไฟ (ที่บ้านเรารางคู่ไม่เกิดซะที) ส่วนประชาชนคนใช้รถก็ปรับตัวตามสภาวะความเป็นจริง ไม่ใช่เห็นดีเซลถูกก็แห่กันมาใช้ ทำให้ปัญหายิ่งบานปลาย แล้วใครบอกว่าพวกใช้เบ็นซิน 95 เป็นคนรวย (พวกพี่ๆ มอเตอร์ไซค์รับจ้างรุ่นเก่าๆ ที่ใช้ Gasohol ไม่ได้ ถ้าเขารวยเขาคงเปลี่ยนอาชีพล่ะครับ) แล้วคนที่ใช้ดีเซลอย่าง MERCEDES-BENZ E220 CDI ราคา 3-4 ล้านเป็นคนจนรึเปล่าครับ??

เสียภาษีสนับสนุนดีเซลมาตั้งแต่ปี 2521

ยุคนายกบรั่นดีแกงเขียวหวานไก่ นัยว่า ขึ้นดีเซลแล้วของแพง

(ผมเห็นปี 50 ลิตรละสี่สิบ ของขึ้นวายป่วง พอลดเหลือสามสิบ มันไม่ลดราคาสินค้าตาม เวรเอ๊ย)

คงถึงเวลจะต้องใช้รถดีเซลแล้วหละครับ

เสียสละมาสามสิบปีแล้ว

ดูโฟกัสกับครูซ ไว้สองยี่ห้อ แต่ไม่มีทีท่าจะลดราคาเลย

เป็นกรณีศึกษา  เพื่ออนาคต  จริงๆ  ผมก็คนนึงละ

เท่าที่รู้มาว่าเครื่องดีเซล อย่าง ฟอร์ด โฟกัส TDCI  มีต้นทุนสูงกว่าที่อื่นในขนาดเดียวกัน และเป็นมาตรฐานยุโรป ด้วย.. 

ขออนุญาตแสดงความเห็นแย้งกับคุณ...หน่อยนะครับ (อย่าว่ากันนะคร้าบ)...

ที่คุณบอกว่าเครื่องยนต์ทนหรือไม่อยู่ที่การดูแลมันก็มีส่วนถูกครับ แต่ก็ตามที่อาจาย์พัฒนเดชบอก ที่ยุโรปนิยมรถดีเซลมาก ผมไปสวิสมาเห็นแท็กซี่ดีเซลทั้งนั้น เพราะเขาไม่ได้อุดหนุนราคาแก๊สแบบบ้านเรา โดยเฉพาะรถดีเซลอย่าง MERCEDES-BENZ E220 CDI รวมถึง Vito HYUNDAI Starex (H-1) วิ่งกันเกลื่อนครับ...ไม่ควรด่วนสรุปจากรถรุ่นเดียว (ISUZU D-Max) แล้วเหมารวมครับ

ไม่เห็นต้องคิดเลยครับชั่วโมงนี้มีเงินเติมน้ำมันก็เลือกดีเซล ไม่มีเงินก็เลือกเบนซินติดแก๊สครับ ดีเซล์รุ่นใหม่เจอน้ำมันไม่สะอาดก็เน่าแล้วค่าซ่อมก็แพง ได้ความแรงอย่างเดียวก็เท่านั้น รถจะทนหรือไม่ทนขึ้นอยู่กับเจ้าของดูแลเค้าครับ ทนจริงทำไม่ไม่เห็นแท๊กซี่ใช้ดีเซลวิ่งรับผู้โดยสารเลยครับ ว่าเบนซินเครื่องพังยังซ่อมถูกกว่าหลายเท่าจากพวกดีเซล์คอมมอนเลวครับ

- พวกเบนซ์บีเอ็ม เวลาหมดประกันมันซ่อมกันหลักแสน ไม่มีเงินหลือใช้อย่าไปยุ่งเลยครับเผลอๆ ค่าซ่อมมันซื้อรถอีโก้คาร์รุ่นต่ำได้เลยครับ

ทฤษฎีมันก็เป็นแค่ตัวหนังสือที่ใครจะเขียนไว้ก็เท่านั้น แต่หลักความเป็นจริงผู้ใช้รถนั่นแหละคือผู้รู้ความตริงของรถรุ่นนั้นๆ ที่ใช้ สังเกตุได้รถใหม่ๆ จะมีปัญหาเพียบกว่าจะแก้ได้ก็เปลี่ยนเป็นรุ่นไมเนอร์เชนท์ ตัวอย่างเช่น อีซูซุดีแม๊กที่กินน้ำมันเครื่อง กว่าจะเจอสาเหตุแล้วแก้ได้ก็หลายรุ่นเหมือนกัน

เสริมอีกนิดครับ เครื่องเบนซินสามารใช้พลังงานทางเลือก ได้ 100% บรรดาแก๊ส ทั้งหลายครับ

ดีเซลทำได้แต่ไม่ work ครับ

เครื่องเบนซินน้ำหนักเบากว่าในขนาดความจุเท่ากัน  มีแรงสั่นสะเทือนจากการจุดระเบิดน้อยกว่า แต่เรื่องนี้เครื่องดีเซลแก้โดยใช้ยางแท่นเครื่องคุณภาพดี  ส่วนคำถามที่สองคุณดูแต่ประเทศไทยกับญี่ปุ่นมังครับ  มันเป็นเหตุผลทางการตลาดมากกว่า ถ้าอย่างนั้นลองดูตัวเลขในยุโรปบ้างซีครับ

เท่าที่ผมทราบมีดังนี้ครับ...

- จุดแข็งของดีเซลที่เหนือกว่าเบ็นซินคือ

1) ประหยัดเชื้อเพลิงกว่า (กม./ลิตร)

2) อัตราการปล่อยมลพิษต่ำกว่า (คาร์บอนไดออกไซด์, กรัม/กม.)

3) ให้แรงบิดสูงกว่า มาที่รอบต่ำกว่า (ที่มาของความประหยัด)

4) แรงกว่า

ตัวอย่างเช่น รุ่นใหม่ๆ ของ MERCEDES-BENZ E220CDI 2.2 L Twin Turbo 204 แรงม้า กับแรงบิด 500 นิวตัน-เมตร (เท่ากับเครื่องเบ็นซินความจุ 5-6 ลิตร) หรือค่ายเกาหลีที่กำลังมาแรงอย่าง HYUNDAI ที่พัฒนาเครื่องยนต์ 2.0/2.2 ลิตร เทอรโบเดี่ยว 184/197 แรงม้า 392/435 นิวตัน-เมตร...หรือที่ราคาใกล้ตัว จับต้องได้ก็เจ้า FORD Focus 2.0 TDCi 136 แรงม้า 320 นิวตัน-เมตร เร่ง 0-100 กม./ชม.ภายใน 8-9 วินาที ความเร็วสูงสุดเกิน 220 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองที่ 22 กม./ลิตรที่ 100 กม./ชม.

5) ทนทานกว่า เพราะต้องรองรับการจุดระเบิดที่รุนแรงจากการอัดอากาศในอัตราที่สูง ประมาณ 15 - 23.0 : 1 ในขณะที่เบ็นซินใช้หัวเทียนจุดระเบิดใช้แรงอัดเพียง 8 - 12 : 1....ใช้ได้เป็นล้าน กม.

6) ไม่กลัวน้ำท่วมจานจ่าย เพราะไม่ใช้หัวเทียนจุดระเบิด (แต่อย่าเพลินจนน้ำเข้าหม้อกรองอากาศล่ะครับ)

- จุดอ่อนของดีเซลที่ด้อยกว่าเบ็นซินคือ

1) เสียงดังกว่า (แต่บางรุ่นพัฒนาจนในห้องโดยสารเงียบแทบไม่ต่างจากเบ็นซินหรือเหนือกว่าเพราะใช้รอบเครื่องยนต์ต่ำกว่าในความเร็วเท่ากัน)

2) ค่าซ่อมบำรุงสูงกว่า (แต่ความจุกจิกหรือความถี่ในการซ่อมจะน้อยกว่า)

3) มีควันดำให้เห็นบ้าง

4) ราคารถแพงกว่าจากต้นทุนผลิตเครื่องยนต์ที่มากกว่า

ส่วนที่ยังขาด รบกวนพี่ๆ เพื่อนๆ ในเว็บบอร์ดช่วยเพิ่มเติมนะครับ...

1  การเผาไหม้เครื่องยนต์เบ็นซินดีกว่าดีเซล  อัตราเร่งดีกว่า แต่บำรุงรักษาจุกจิกกว่า  ดีเซล

2  เบ็นซ์ยังใช้เครื่องดีเซล  บีเอ็มก็ดีเซล  เชฟโรเล็ตก็ดีเซล  เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค ใช่ว่าจะชอบเหมือนกันหมด