ภาษีรถยนต์สรุปแล้ว ก่อมลพิษสูงเก็บเพิ่ม "มั่น"ชะลอใช้อีก3ปี
avatar
ดิเรก


เคาะโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่ ให้แรงจูงใจลดมลพิษ ระบุหากปล่อยก๊าซคาร์บอนเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร เก็บเพิ่ม 5% "สรรพสามิต" ใจร้อนอยากให้ใช้ทันที แต่ "มั่น" บอกให้ปรับตัว 2-3 ปี
     นายมั่น พัธโนทัย รมช.คลัง เปิดเผยว่า กรมสรรพสามิต กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพลังงาน ได้สรุปโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่แล้ว โดยจะมีการเพิ่มแรงจูงใจด้านการลดมลพิษ ซึ่งกำหนดว่ารถยนต์ที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) น้อยกว่า 200 กรัมต่อกิโลเมตร ให้เสียภาษีสรรพสามิตในอัตราปกติ หากปล่อย CO2 ต่ำกว่า 150 กรัมต่อกิโลเมตร จะได้ลดภาษีสรรพสามิต 5% แต่หากปล่อย CO2 เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จะต้องเสียภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้นอีก 5%
     สำหรับโครงสร้างใหม่ภาษีสรรพสามิตรถยนต์นั่งที่มีรถ E10 และ E20 รวมอยู่ด้วย จากที่มีอัตราภาษีหลายอัตราตามขนาดเครื่องยนต์ และกำลังแรงม้าตั้งแต่ 25-50% ก็จะลดลงเหลือ 2 อัตรา  คือ คิดตามขนาดเครื่องยนต์ต่ำกว่า 3000 cc. อัตราภาษี 30% ขนาดเครื่องยนต์เกิน 3000 cc. อัตราภาษี 50% โดยให้แรงจูงใจการปล่อย CO2 ว่า ต่ำกว่า 150 กรัมต่อกิโลเมตร จะได้ลดภาษี  5% แต่หากปล่อย CO2 เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร ก็ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น 5%
     ขณะที่รถยนต์ตรวจการณ์ หรือ PPV ยังคงอัตราภาษีเดิมที่ 20% และให้แรงจูงใจภาษีการปล่อย CO2 เหมือนกับรถยนต์นั่งเช่นกัน
     นายมั่นกล่าวว่า การปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่ หากนำมาใช้ทันทีตามข้อเสนอของกรมสรรพสามิต จะกระทบกับผู้ประกอบการรถยนต์ ทำให้ต้นทุนเพิ่ม เพราะรถยนต์ที่ใช้ในประเทศในปัจจุบัน มีการปล่อย CO2 มากกว่า 200 กรัมต่อกิโลเมตร ทำให้ต้องเสียภาษีสรรพสามิตเพิ่มอีก 5% ซึ่งหากกรมสรรพสามิตเสนอมา จะต้องหารือให้ยืดเวลาการบังคับใช้ออกไป 2-3 ปี เพื่อให้ผู้ประกอบการปรับตัว
     นายมั่นกล่าวว่า  กรมสรรพสามิตประเมินว่าการเก็บภาษีรถยนต์ในปี 2554 จะได้จำนวน 8.36  หมื่นล้านบาท หากนำโครงสร้างภาษีใหม่มาใช้ปี 2557 จะทำให้ภาษีเพิ่มขึ้นเป็น 1.29 แสนล้านบาท และเพิ่มเป็น 1.45 แสนล้านบาท ในปี 2560 ภายใต้การขยายตัวของปริมาณรถยนต์ที่ 4% ต่อปี.

ที่มา http://thaipost.net/news/070311/35346



ผู้ตั้งกระทู้ ดิเรก :: วันที่ลงประกาศ 2011-03-07 12:48:12 IP : 58.137.10.226


1

ความคิดเห็นที่ 2 (3287513)
avatar
pang

สุดยอด...ชอบที่อาจารย์พูดที่สุด..ที่อ้างว่ามลพิษเนี่ยต้องการให้คนมีรถเก่าขายแล้วออกรถใหม่เพื่อเพิ่มยอดขายให้บริษัทขายรถหรือป่าว.....แน่จริงรีบสร้างรถไฟความเร็วสูงแบบว่าจากโคราชถึง กทม. ใช้เวลาซัก ๑-๒ ชม. ดิ  จะได้ไม่ใช้รถวิ่งเข้า กทม. ให้อาจาย์มาลองนั่งรถโดยสารบ้างจะรู้ว่าคนรากหญ้ามันลำบากขนาดไหน...โดยเฉพาะช่างเทศกาลปีใหม่-สงกรานต์.....สุดๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น pang (pangwong_-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-03-11 11:39:21 IP : 113.53.103.135


ความคิดเห็นที่ 1 (3287098)
avatar
พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ

ถ้าโง่แล้วขยันก็น่าเป็นห่วง  คำว่า "ก่อให้เกิดมลภาวะ" ถ้าคิดแค่จากปลายท่อไอเสียก็ "คิดน้อยและคิดสั้นไปหน่อย"    เพราะต้องคิดตั้งแต่ต้นน้ำเหมือนเมืองนอก ( ก็ชอบอ้างเมืองนอกกันลอยๆ  ผมขออ้างมั่ง )  คือคิดตั้งแต่ใช้วัสดุอะไร  โรงงานมีการคุมมลพิษแค่ไหน  วัตถุดิบที่เอามาทำเป็นอะไร   สมมุตินะครับว่ารถไฟฟ้า  มีมลพิษปลายท่อไอเสียเท่ากับศูนย์  แล้วตะกั่วแบตเตอรี่ล่ะครับ  ตอนผลิตมีสารพิษเท่าไหร่  ใช้หมดแล้วเอาไปทิ้งที่ไหนใครรับผิดชอบค่าทำลายขยะพิษนั้น  ไฟฟ้าเอามาจากไหน  ตัดไม้สร้างเขื่อนคุ้มไหม  โรงไฟฟ้าลิกไนท์ชาวบ้านที่ไหนจะยอมให้สร้าง  โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ล่ะสร้างได้ไหม  เห็นไหมครับว่าบางครั้งการมองสั้นก็ดูเหมือนดี  แต่ลองคิดให้ครบวงจรท่านจะรู้ว่า  ทำไมฝรั่งญี่ปุ่นถึงอยากให้ "มาตั้งโรงงานผลิตสินค้าทันสมัยบางอย่าง" ในบ้านเรา  เป็นไปได้ไหมว่า  เขาไม่อยากให้โรงงานนั้นๆสร้างขยะในบ้านเขา  จึงใช้คำเพราะๆว่า "ย้ายฐานการผลิต"  หรือ "เลือกลงทุน" ในเมืองไทย  ทำให้นักการเมืองบ้านเราและหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องดีใจตัวซี้ตัวสั่น  ที่ "มีคนเลือกมาลงทุน" หรือ "ย้ายฐานการผลิต" มาและช่วย "สร้างงาน"  โดยไม่คิดถึงขยะพิษและการทำลายสิ่งแวดล้อม  ไม่อย่างนั้นปัญหาแบบมาบตาพุดไม่เกิดหรอกเชื่อผมเถอะ

ผู้แสดงความคิดเห็น พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ วันที่ตอบ 2011-03-08 12:32:28 IP : 180.180.98.216



1


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.