ปํญหาราคาน้ำมันเครื่องปัญหาระดับชาติ

เห็นด้วยกับคุณ.....มากๆ ครับ....กึ๋นก็ไม่มีแถมยังหน้าทนอยู่ได้ (เป็นสมุนคนป่วยก็งี้แหละ....จะฆ่าคนหรือทำอะไรก็ไม่ผิด)

ถ้าเลี่ยงได้ ไม่อยากจ่ายภาษีให้พวกมันไปผลาญเล่นหรอกครับ

จะเก็บแพงก็เก็บไปแต่เอาเงินภาษีไปใช้อย่างตรงไปตรงมา น้ำมันแพงผู้ใช้ก็ควรใช้อย่างประหยัดครับ อย่าเอาราคาน้ำมันของรถกับของชาวบ้านมาปนกันแบบนี้ เช่น น้ำมันปลามกับไบโอดีเซล หรือ น้ำตาลกับเอทานอล ไม่งั้นอีกหน่อยจะต้องจำกัดการกินข้าวให้ทุกคนกินได้แค่วันละ 2 มื้อ เช้า-กับเย็น ทำไมมันถึงได้เอาส้นตีนได้ถึงขนาดนี้(เสียเงินค่าคิดอีกต่างหาก) ไข่ขายเป็นกิโล ไม่ถามแม่ค่าที่ซื้อประจำบ่นยุ่งยาก ขายลำบากเปลืองถุงอีก ขายเป็นแพงแบบเดิมดีแล้ว น้ำมันก็จำกัดการซื้อ น้ำตาลก็จำกัด เอากันเข้าไป

 เมื่อคุณดูตารางแล้วก็คัดลอกข้อความตรงนี้ไปใส่ด้านบนตามลำดับช่องก็จะรู้ครับ

1. ราคาจากโรงกลั่น

2. ภาษี(หากจำไม่ผิดก่อนปี 51 เก็บที่ 5 บาท/ลิตร ปรับเพดานเป็น 10บาท/ลิตร สมัยรัฐบาลชุดนี้ แต่เก็บที่ 7 บาทก่อน)

3. ภาษีของภาษี 10%

4. เก็บเงินเข้ากองทุน

5. ภาษีของเงินเก็บเข้ากองทุน

6. ราคาค้าส่ง

7.ภาษีมูลค่าเพิ่ม

8. ค่าการตลาด(สมัยคุณทักษิณ ค่าการตลาดอยู่ที่ต่ำบาทถึงติดลบจนปั๊มเจ้งกันเยอะมาก ปตท.กดค่าาการตลาดจนได้ปั้มjet แล้วก็ปัจจุบันก็เป็นอย่างนี้แหละ)

9. ภาษีมูลค่าเพิ่มของค่าการตลาด

10. ราคาหน้าปั๊มเขตกรุงเทพ(ต่างจังหวัดบวกค่าขนส่งเพิ่มครับ)

ส่วนสองแถวล่างเป็นค่าการตลาดและค่าการกลั่นเฉลี่ยตามลำดับครับ

นี่คือโครงสร้างราคาน้ำมันปัจจุบัน ท่านใดที่แปลภาษาอังกฤษได้(หัวแถวแถบสีส้ม)ช่วยแปลเป็นคำไทยให้ด้วยครับ  เช่น EX-REFIN (AVG) ค่าน้ำมันหน้าโรงกลั่น บาท/ลิตร