E10 น่าจะลงตัวมากที่สุด ถึงผู้ผลิตจะรองรับ E20 แต่การสึกหรอก็มากขึ้น 

พลังงานจากการจุดระเบิด ขอให้ E ต่ำ จะได้พลังงานที่มากว่า ความจริงคือ E10 ประหยัดกว่า E20 

แล้วจุดวาปไฟ 91 กับ 95  จาก 100 ต่างกันแค่ 4 ถือว่าน้อยมาก

อย่างน้ำมันดีเซลจุดวาปไฟต่ำมากยังให้พลังงานมากกว่าเบนซินซะอีก ดังน้ัน 

E10 - 91 จึงเหมาะสมที่สุดที่จะทำให้พวกบริษัทน้ำมันได้กำไรต่ำที่สุด

1. ถ้าราคา E10   E20  แตกต่างกันไม่ถึง  5  บาท  เติม E10  ดีกว่า

2. ค่าพลังงานในการจุดระเบิดได้มากกว่า   ได้แรงที่ผลักลูกสูบมากกว่า  (กำงงานของเครื่องยนต์)

3.เป็นการถนอนเครื่องยนต์  และยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์

----------------------------------------------------------------------------------

Note  อะไรก็ตามที่มีส่วนผสมใช้จืดจางลง   ประสิทธิภาพและประสิทธิผล ก็จะน้อยลงตามส่วนผสม

แก๊สโซฮอลที่Eสูงๆจะทำให้หมดเร็วกว่าEต่ำๆนี่จริงครับแต่เรื่องแก๊สโซฮอลยิ่งEสูงยิ่งระเหยเร็วนี่ไม่จริงครับตัวอาจารย์เองก็เคยบอกว่าเคยทดสอบด้วยตัวเองก็ไม่ได้ระเหยเร็วกว่าเบนซิน

และมีคนวิจัยเรื่องการระเหยของแก๊สโซฮอลไว้แล้วก็พบว่าไม่จริงเป็นความเชื่อที่ผิดแบบฝังรากลึกของคนไทย

http://www.thaidriver.com/magazine-preview/oil/oil.html

          TEANA XL 200 ตัวนี้ จำคราวๆ ได้ว่า ใช้ อ็อกเทน ตั้งแต่ 91 ขึ้นไป ฉะนั้น  ก็สามารถใช้ โซลฮล 91 แทนได้เลยครับ ประหยัดตังค์ได้ อีกเยอะเลยครับ

    ส่วน E20  ถ้ารถตัว นี้ผลิต มารองรับอยู่ แล้ว หรือ ปี 2010 ก็เติมได้ครับ  ถ้ามีปั๊มอยู่ในระยะที่เติมได้ครับ ต่างจังหวัดค่อนค้างหายาก

 ถ้าเติมแล้ว ขับไม่หนักก็ มีอัตราการกินน้ำมันใกล้ ของเดิมนั่นะครับ แต่มีแนวโน้มไปทางกินมากนิดหน่อยครับ.......ทีนี้ก็ค่อยมาดูที่ความแตกต่างของราคาน้ำมัน 2 ตัวนี้ครับ ว่า ตัวไหนจะคุ้มสุด

อี20 ราคาถูกจริงครับ แต่ถ้าเปรียบเทียบกับ แกสโซฮอลแล้ว ไม่ต่างกันมาก ยังไงถ้าอยากประหยัดก็ขับไม่เกิน 90 ก็แล้วกันครับ เพราะน้ำมันแพงขึ้นทุกวัน ไม่ว่าจะรถเล็กรถใหญ่ เหนื่อยกันเป็นแถวครับ ค่าครองชีพมันเพิ่มขึ้น เลยทำให้เราคิดเรื่องนี้เพิ่มขึ้นครับ แต่ถ้าน้ำมันถูก เรื่องน้ำมันจะไม่มีปัญหาเลย

จริง ๆ ก็คือ แบบที่อาจารย์ บอก ต้องลองเติม แล้ว จับระยะดูครับ  แต่ E20 นี่มันระเหยไวมาก  เท่าที่ลองกับ Focus 1.8

มันแทบไม่ได้ต่างกับเติม v-safe โซ 95 ของเชลล์เลยครับ  แถมพอเติม E20 เสียงเครื่องดังมาก ครับ

ความเห็น 1 มีสมองแค่นี้อย่างตอบดีกว่าครับ

คนอื่นเข้ามาอ่านจะเสียอารมณ์

ผมเปลี่ยนมาใช้ E10 - 91 ได้ 2 เดือนแล้วครับอัตราสิ้นเปลืองเมื่อเทียบกับ E10 - 95 ยังไม่เห็นความแตกต่างรถยังวิ่งได้ระยะพอๆ

กัน (บวกลบไม่เกิน 5 - 10 กม.) มีแต่อัตราเร่งตอนออกตัวช้ากว่า E10 - 95 นิดหน่อย (ผมใช้ TIIDA HATCHBACK 1.8 E20)

เพื่อน ๆ พี่ ๆ ท่านใดมีความรู้เรื่อง E20 รบกวนขอความกระจ่างด้วยครับ(พี่กิตติ TERRANO หรือ พี่ๆ ท่านใดที่ใช้ NISSAN มีอู่

นอกที่ไว้ใจได้ไหมครับ พอดีรถผมใกล้หมดประกันศูนย์แล้ว จะได้ไปใช้บริการ) ขอบคุณครับ

ขับรถคันนิดเดียว ตอนนี้โลละ 3.5 บาทแล้วครับ เหนื่อย

ลองเติมและคำนวนอัตราการสิ้นเปลืองด้วยตนเอง  เพราะการสิ้นเปลืองที่ผมมี  มีแต่ค่าจากทฤษฎี  แต่ค่าสิ้นเปลืองจริงยังคงแกว่งไม่แน่นอนครับ  เข้าใจว่าน่าจะมาจากลักษณะการขับและปัจจัยอื่นๆ  เรื่องนี้ต้องคุยกันยาวและไม่อยากเริ่มต้นด้วยทฤษฎี  เพราะจะเถียงกันไม่รู้จบ  ต้องเริ่มด้วยการเอาตัวเลขจริงมาแลกเปลี่ยนกัน  ซึ่งเชื่อว่ามีทำกันอยู่ไม่กี่หน่วยงาน  ผมเองกำลังหาตัวเลขจากคนรู้จักและกลุ่มคนใช้รถอยู่ครับ

รถน้องผมเป็น Civic ตัวที่ใช้ E20 ได้  ผมเคยลองเติมดู มันทั้ง E20 E10 - 91, 95   เอาค่าน้ำมันหารด้วยอัตราสิ้นเปลืองแล้ว E10-91 ออกมาให้อัตราสิ้นเปลืองที่ประหยัดที่สุดเมื่อเทียบต่อลิตรต่อบาทต่อกิโลเมตร   อัตราสิ้นเปลือง 95 ดีที่สุด 91 แทบไม่ต่าง E20 แย่สุด แต่เมื่อนำราคาค่าน้ำมันต่อลิตรมาหารด้วย E10-91 ประหยัดสุดครับ

อี 20 จะระเหยเร็วกว่า อี 10(โซฮอล91-95) แต่จะประหยัดเงินในกระเ๋ป๋าในการเต็มแต่ละครั้งด้วย 

มีความคิดที่จะตอบเค้าแค่นี้เองหลอครับ...ประเทศชาติเจริญๆ

ผมว่าถ้าเติมอี20 ได้คงประหยัดเงินในกระเป๋าได้เยอะครับ แม้จะวิ่งได้ระยะทางน้อยกว่าเล็กน้อยแต่คุ้มค่ากว่าครับ

ก็เติมเหมือนเดิมไปสิ หาไม่ได้ก็ไม่ต้องเติมถ้าอยากประหยัดไปซื้อรถวิออสใช้ประหยัดลงหน่อย คนใช้เทียน่าเค้าไม่เกี่ยงค่าน้ำมันหรอกเติมe20กับติดแก็สมีแต่คนจนๆงกๆมันทำกัน