|
คัมรี่ ไฮบริด เทคโนโลยี อนาคตไกล | |
หนุ่ม (มารยาทดี) | ตัดมาจากบทความบางส่วนในหนังสือพิมพ์โพสต์ ทูเดย์ ของคุณนิธิ ท้วมประถม ที่ได้ทดลองขับที่โรงงานผลิตรถยนต์โตโยต้าบ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ติดตามกันเลยครับ จะได้รู้ว่ารถยนต์ไฮบริด ที่กำลังจะเปิดตัวเป็นอย่างไร ผมจะสรุปให้ท่านผู้อ่านได้รู้จักเครื่องยนต์ไฮบริดกันหน่อยก็แล้วกัน รถยนต์ไฮบริด คือรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงาน 2 แบบในรถยนต์คันเดียวกันคือ พลังงานจากเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และพลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้กระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ โดยทั้งสองระบบจะทำงานผสมผสานกันตลอดเวลาเพื่อให้เกิดความประหยัดมากที่สุดและลดการปล่อยมลพิษอีกด้วย ที่สำคัญยังให้สมรรถนะในการขับขี่ที่เหนือกว่ารถยนต์เครื่องยนต์ทั่วไป โดยการทำงานของเครื่องยนต์ไฮบริดนั้น ผมจะสรุปแบบคร่าวๆให้ท่านผู้อ่านเข้าใจแบบง่ายๆ ก็แล้วกันว่าเจ้าระบบไฮบริดนั้นทำงานอย่างไร เริ่มต้นจากขณะรถออกตัว จะถูกขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว โดยอาศัยพลังงานที่สะสมไว้ในแบตเตอรี่ (ในช่วงนี้เครื่องยนต์จะไม่ติด) ต่อมาขณะขับขี่ปกติ ด้วยความเร็วคงที่ รถยนต์ถูกขับเคลื่อนโดยอาศัยการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า โดยระบบควบคุมจะตรวจสอบสภาพการขับขี่ในขณะนั้น แล้วสั่งการให้เครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดการประหยัดน้ำมันสูงสุด ขณะเดียวกัน พลังงานส่วนเกินจะถูกแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าและเก็บสะสมไว้ในแบตเตอรี่ ขณะเร่งความเร็วรถยนต์จะถูกขับเคลื่อนด้วยกำลังเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ได้อัตราเร่งสูงสุด และขณะที่ลดความเร็วและเบรก เครื่องยนต์หยุดทำงาน แต่มอเตอร์ไฟฟ้าจะทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า และเปลี่ยนพลังงานความร้อนที่เกิดจากการลดความเร็วหรือเบรก ให้เป็นพลังงานไฟฟ้าแล้วส่งไปเก็บที่แบตเตอรี่ เมื่อรถจอดเครื่องยนต์จะหยุดทำงาน มอเตอร์ไฟฟ้าจะเป็นตัวทำหน้าที่แทนทั้งหมด เอาเป็นว่า รถยนต์ไฮบริดจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วยเครื่องยนต์ในช่วงเร่งแซงและเวลาหยุดนั่นแหละครับ รู้จักเครื่องยนต์ไฮบริดกันไปแล้วมาลองขับเลยดีกว่าว่าเป็นอย่างไร โตโยต้า คัมรี่ ไฮบริดนั้น มีเครื่องยนต์เพียงขนาดเดียว คือ 2.4 ลิตร ซึ่งในขณะนี้ยังไม่รู้ว่าแรงม้า และแรงบิดอย่างเป็นทางการเป็นเท่าใด แต่ที่ได้ลองขับแล้วไม่น้อยแน่ๆ ทันทีที่ก้าวขึ้นมาในตัวรถ ภาพรวมก็คล้ายๆกับโตโยต้า คัมรี่ รุ่นปัจจุบัน จะมีก็อย่างแผงหน้าปัดของคัมรี่ไฮบริด จะไม่มีมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ แต่มีมาตรวัดการชาร์จแบตเตอรี่ รวมทั้งจอแสดงสถานะการทำงานระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าให้ผู้ขับได้รู้ว่าตอนนี้เราใช้พลังงานจากที่ใด และควรขับอย่างไรให้ประหยัด มองหาปุ่มสตาร์ตรถ ไม่ยักกะเจอ แต่กลายเป็นปุ่ม Power แทน เออ ดูเหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้าเลยแฮะ กดปุ่ม Power ไม่ต้องรอฟังเสียงเครื่องยนต์สตาร์ตครับ เพราะการสตาร์ตนี้ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการทำงาน เครื่องยนต์จะไม่ติด ดังนั้นจึงไม่มีเสียงเครื่องยนต์ติด แถมตัวรถก็ไม่สั่นเหมือนกับการสตาร์ตรถทั่วไป แปลกๆดีเหมือนกัน พอกดปุ่ม Power แล้วสิ่งที่จะทำให้เรารู้ว่าเครื่องติดหรือยังคือดูที่หน้าปัด จะมีตัวหนังสือสีเขียวเขียนว่า Ready หรือพร้อมแล้วสว่างขึ้นมา นั่นหมายความว่ารถพร้อมขับเคลื่อนแล้ว แต่หากเรายังไม่เคลื่อนตัวออกไป เครื่องยนต์ก็จะติดขึ้นมาเพื่อเป็นการวอร์มอัพสักครู่แล้วก็จะดับไป ซึ่งผมถามฝ่ายเทคนิคโตโยต้า ทราบว่าที่เครื่องยนต์ติดขึ้นมานั้น เนื่องจากตัวควบคุมต้องการเช็คระบบระบบเครื่องยนต์ว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ เพราะหากไม่มีการเช็คหรือวอร์มอัพเครื่องยนต์แล้ว เคลื่อนตัวออกแรงๆแล้วเครื่องยนต์ไม่ติด อาจเกิดอันตรายได้ เมื่อฟังคำอธิบายแล้ว ผมก็ปล่อยเบรกเพื่อให้รถเคลื่อนตัวไปช้าๆ เพื่อดูกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าว่ามีกำลังพอหรือไม่ ก็ปรากฎว่ารถเคลื่อนตัวไปแบบนุ่มนวลมากครับ เรียกว่าไหลออกไปจากที่จอดรถจะเหมาะกว่า ส่วนความเร็วนั้นอยู่ในระดับประมาณ 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากเหยียบคันเร่งเพิ่มขึ้น เครื่องยนต์จะสลับทำงานทันที เพื่อสร้างอัตราเร่งให้ทันใจ หรือเหมาะสมกับการใช้งานจริง โดยเครื่องยนต์ที่สลับทำงานแทนมอเตอร์ไฟฟ้านั้น ก็นุ่มนวลอีกเหมือนกัน แทบจะจับความรู้สึกของการเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนไม่ได้เลยถ้าไม่คอยสังเกตุ ซึ่งผมเชื่อว่าหากเป็นการใช้งานจริงๆผู้ขับขี่แทบจะไม่รู้สึกเลย จะสังเกตุได้ก็ตรงหน้าจอแสดงผลการทำงานของเครื่องยนต์ ที่จะโชว์ว่าตอนนี้กำลังของรถนั้นมาจากเครื่องยนต์แล้ว พอเข้าทางตรงของสนาม ลองอัตราเร่งปรากฎว่าอัตราเร่งดีมากครับ พุ่งปรี๊ดเลย ดีกว่าเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตรรุ่นปกติอย่างแน่นอน ซึ่งการเร่งแซงนั้นมอเตอร์ไฟฟ้าจะเข้ามาช่วยเครื่องยนต์ด้วย ทำให้อัตราเร่งดีขึ้น และประหยัดน้ำมันมากขึ้นด้วย ซึ่งหากมองในแง่ของอัตราเร่งแล้ว ผมว่าดีมากครับ แถมอัตราเร่งยังเนียนมากๆ สอบผ่านได้สบายๆในส่วนของอัตราเร่ง ในส่วนของแบตเตอรี่ ที่ถือว่าเป็นหัวใจของเครื่องยนต์ไฮบริดนั้น โตโยต้ายืนยันว่ามีความคงทนเท่ากับอายุของรถหรือประมาณ 5 ปีแน่ๆ ลูกค้าไม่ต้องกังวลอะไร ส่วนการทำงานในด้านอื่นๆ ยังไม่สามารถบอกได้มากนัก เพราะทางทีมงานโตโยต้าให้แค่ได้ ลอง ขับแบบเป็นน้ำจิ้มเท่านั้น ส่วนการขับจริงๆจะมีขึ้นหลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ สรุปแล้ว โตโยต้า คัมรี่ ไฮบริดนั้น เริ่มต้นบอกได้เลยว่า ท่าดี แล้ว แต่ขอลองแบบเต็มๆอีกครั้งจะรู้กันว่า ทีเหลว หรือเปล่า แต่เท่าที่ดูอัตราประหยัดน้ำมันอย่างไม่เป็นทางการน่าจะตกอยู่ที่ 15 กิโลเมตรต่อลิตร กับเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร แค่นี้ก็แจ่มแล้ว จบข่าว |
ผู้ตั้งกระทู้ หนุ่ม (มารยาทดี) :: วันที่ลงประกาศ 2009-06-25 12:00:31 IP : 58.9.4.7 |
1 |
ความคิดเห็นที่ 12 (3034734) | |
000 | แล้วซีวิคไฮบริดมีโอกาสเข้าไทยด้วยหรือเปล่าครับหรือไม่ก็ซีเอ็นจีนะครับ เห็นต่างประเทศวิ่งกันพรุนแล้วนะครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น 000 วันที่ตอบ 2009-07-05 10:50:44 IP : 117.47.153.145 |
ความคิดเห็นที่ 11 (3028260) | |
หนุ่ม (มารยาทดี) | จากนี้ไปเชื่อว่าคำถามต่างๆในเรื่องของเครื่องยนต์ไฮบริดคงจะตามมาอีกมากมายอย่างแน่นอน ในขณะที่นโยบายพลังงานทดแทนของรัฐก็นิ่งๆไป ตอนนี้เห็น ปตท.แกล้งทำเป็นนิ่งไม่ยอมขยายปั๊มเอ็นจีวี อี 85 แล้ว เพราะขยายไปก็มีแต่จะขาดทุน โตโยต้าเลยตัดสินใจเดินหน้าเทคโนโลยีพลังงานในแบบที่ตัวเองถนัดดีกว่า ไม่สนใจแล้วว่ารัฐจะเอาอย่างไร ประกาศให้รัฐบาลรู้กันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่ที่แน่นอนคือขณะนี้ประเทศไทยมีอัตราภาษีเครื่องยนต์ไฮบริดเพิ่มขึ้นมาอีก 1 หมวด ทำให้ต้นทุนภาษีรถไฮบริดลดลงมาได้ไม่น้อย ผมเชื่อว่าในอนาคตอีกไม่เกิน 5 ปีข้างหน้า ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบก็คงมีรถยนต์ไฮบริดออกมาวิ่งกันเต็มถนนอย่างแน่นอนครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น หนุ่ม (มารยาทดี) วันที่ตอบ 2009-06-26 15:48:09 IP : 58.9.5.244 |
ความคิดเห็นที่ 10 (3028254) | |
คนว่างวันอาทิตย์ช่วยตอบ | ในเมืองไทย เขารับประกันแค่ 5 ปี แต่อายุการใช้งานอยู่ที่ 7 ปี สำหรับ Nimh โรงงาน Process นั้น ในระยะแรกใช้ระบบส่งไปทำลายที่ญี่ปุ่นก่อน แต่ในอนาคตกันใกล้นี้ โรงงาน Process ที่โรงงานของโตโยต้าที่บ้านโพธิ์จะเปิดอย่างเป็นทางการแน่นอนครับ ตอนนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนว่างวันอาทิตย์ช่วยตอบ วันที่ตอบ 2009-06-26 15:38:30 IP : 58.8.70.93 |
ความคิดเห็นที่ 9 (3028212) | |
สวัสดิ์ | จากการสอบถามผู้รู้นะคร้บ แบตเตอรี่ของ hybrid ปัจจุบันเป็น nickel-metal hydrite (Nimh) ซึ่งยังมีสารบางตัวที่เป็นพิษอยู่ แต่ถือว่าน้อยในระดับหนึ่ง ซึ่งในอนาคตอันใกล้มีแนวโน้มจะเปลี่ยนมาเป็น Lithium-ion แบบโทรศัพท์มือถือรุ่นปัจจุบัน ในต่างประเทศก่อนการขาย เขาจะมีการสร้างโรงงาน Process ของ recylce แบตเตอรี่ก่อน แล้วจึงขายรถยนต์ตามมา ซึ่งแบตเตอรี่ดังกล่าวการใช้งานจริงของเคลมไว้ประมาณ 8 ปี /80,000 ไมล์ขึ้นไป แต่เขาสร้างเตรียมเผื่อไว้ในกรณีอุบัติเหตุ หรือมีเหตุสุดวิสัยอื่น ๆ |
ผู้แสดงความคิดเห็น สวัสดิ์ วันที่ตอบ 2009-06-26 14:38:39 IP : 203.121.167.241 |
ความคิดเห็นที่ 8 (3028176) | |
คนว่างวันอาทิตย์ช่วยตอบ | อย่างที่เรียนไปแล้วว่ารถ Hybrid ไม่ได้เป็นของใหม่ของ Toyota เพราะ Prius ในอเมริกาขายดีมาก ดังนั้น Camry จึงควรที่จะเรียกได้ว่าเป็นการพัฒนาให้ดีขึ้นมาอีกระดับ เพราะ Camry เป็นรถที่มีขนาดใหญ่กว่า Prius มาก สำหรับ Prius เองก็ได้ถูกนำเข้ามาเพื่อทำการทดสอบในบ้านเราเป็นเวลาหลายปีแล้วครับ มีบางคันที่ Grey market นำเอาเข้ามาจำหน่ายด้วยเช่นกัน ในตอนนี้ มีกลุ่มนักลดสอบได้ทำการขับ Prius รุ่นที่สองอยู่ในบ้านเรานี่แหละครับ เพื่อเตรียมความพร้อมในการทดสอบขับ Camry Hybrid ที่จะมีขึ้นในเดือนหน้าที่สนาม Bridgestone สระบุรีครับ ข้อสำคัญ ขอย้ำว่ารถคันนี้ไม่ได้เป็นรถที่เหมาะสำหรับทุกคน แต่เป็นรถที่เหมาะสำหรับคนที่ใช้รถมากเท่านั้น ไม่เช่นนั้นซื้อไปไม่คุ้มทุนครับ สมรรถนะของเครื่องยนต์คือเครื่อง 2.4 ที่ใส่อยู่ใน Camry ตัวธรรมดานี่แหละครับ Motor ไฟฟ้าที่ใช้อยู่มีแรงบิดสูงมาก ทำให้รถสามารถออกตัวได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนว่างวันอาทิตย์ช่วยตอบ วันที่ตอบ 2009-06-26 13:46:17 IP : 58.8.70.93 |
ความคิดเห็นที่ 7 (3028084) | |
อยากได้ | แล้วระบบช่วงล่างเป็นอย่างไร (หรือว่าเหมือนเดิม เปลี่ยนแค่เครื่องยนต์) รับกับสมรรถนของเครืองยนต์ได้ดีขนาดไหน ขอให้ท่านที่ได้ไปทดสอบรายงานด้วยนะครับ บอกตรง สนใจ แต่ไม่กล้าลอง รุ่นแรก คงต้องคอยให้รถออกมาวิง สัก 3-6 เดือนก่อน |
ผู้แสดงความคิดเห็น อยากได้ วันที่ตอบ 2009-06-26 11:14:02 IP : 125.24.222.21 |
ความคิดเห็นที่ 6 (3028044) | |
คนว่างวันอาทิตย์ช่วยตอบ | 1. เรื่องคลื่นไฟฟ้าไม่ต้องไปห่วงหรอกครับ เพราะในอเมริกา เขาใช้วิ่งกันจนพรุนไปแล้วในรุ่น Prius ซึ่งออกมาจำหน่ายหลายรุ่นเข้าไปแล้ว แต่กลับมาเป็นของใหม่ของบ้านเราเท่านั้นแหละครับ ถ้ามันมีปัญหาจริงป่านนี้ FDA แบนไปนานแล้วครับ 2. แบตเตอรี่นั้นไม่มีการ Recycle แต่จะต้องส่งกลับเข้าไปเปลี่ยนที่โรงงานของโตโยต้าเอง โดยในระยะแรกจะถูกส่งไปทำลายที่โรงงานในญี่ปุ่น แต่ต่อไปจะมีโรงงานทำลายแบตเตอรี่ของ Toyota เองในบ้านเราครับ แบตเตอรี่ที่ใช้นี้ ก็แตกต่างจากแบตเตอรี่ที่พวกเราใช้ในรถของเราครับ 3. แบตเตอรี่ที่ใช้เป็นแบบแบตเตอรี่ที่ใช้ในโทรศัพท์มือถือ ไม่ใช่แบตเตอรี่ที่ต้องใช้น้ำกลั่นครับ แบตเตอรี่ทดแทนจะจำหน่ายโดย Toyota เองและจะต้องเปลี่ยนโดย Toyota เท่านั้น จะไม่มีผู้ใดที่จะแตะต้องแบตเตอรี่ของเขาได้เลยแม้นแต่น้อยครับ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการทำลายที่ผิดวิธี ปัจจุบัน Toyota ตั้งยอดขายเอาไว้ประมาณร้อยละ 60 ของ Camry ที่จะออกมาจำหน่ายทั้งหมด |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนว่างวันอาทิตย์ช่วยตอบ วันที่ตอบ 2009-06-26 09:58:24 IP : 58.8.70.93 |
ความคิดเห็นที่ 5 (3028033) | |
ชานนท์ | ผมว่าเวลาเราพิมพ์คำตอบ ไม่ต้องไปปรับ Size ตัวหนังสือมันครับ มันจะได้ตัวไม่เล็กกะจิ๋วลิ๋ว ปวดตา |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชานนท์ วันที่ตอบ 2009-06-26 09:37:58 IP : 124.121.31.126 |
ความคิดเห็นที่ 4 (3028031) | |
ชานนท์ | test |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชานนท์ วันที่ตอบ 2009-06-26 09:36:16 IP : 124.121.31.126 |
ความคิดเห็นที่ 3 (3028029) | |
สวัสดิ์ |
ไม่ทราบว่าเราจะหนีปัญหา หนึ่ง ไปเจอปัญหาหนึ่ง หรือไม่ครับ กรณีที่ในวันหนึ่ง จะมีรถ hybrid เต็มถนน 1. คลื่นไฟฟ้าจากมอเตอร์กำลังแรงสูง มีผลกับร่างกายคนหรือไม่ 2.แบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพแล้ว นำมา recycle ได้มากน้อยเพียงใด 3.แบตเตอรี่ยังใช้ตะกั่ว หรือเป็นแบบใหม่ที่ไม่ใช้ตะกั่ว |
ผู้แสดงความคิดเห็น สวัสดิ์ วันที่ตอบ 2009-06-26 09:29:05 IP : 203.144.220.241 |
ความคิดเห็นที่ 2 (3028009) | |
คนว่างวันอาทิตย์ช่วยตอบ | ราคา 1.7 ล้าน ปั๋มน้ำต้องเปลี่ยนทุก 40,000 กม. ราคาปั๋มน้ำชุถดละสองหมื่นกว่าบาท (แนวโน้มพยายามจะเพิ่มจากสี่หมื่นกิโลเมตรต่อการเปลี่ยนปั๋มน้ำหนึ่งชุดเป็นหกหมื่นกิโลเมตร) แบตเตอรี่รับประกัน 5 ปี แต่อายุการใช้งานยาวถึง 7 ปี ราคาแบตเตอรี่ชุดละสองแสนห้าหมื่นกว่าบาทครับ เกียร์ใช้เกียร์ CVT แบบใช้ฟันเฟือง เปลี่ยนเกียร์ได้นิ่มนวลและทนทานกว่าเกียร์ CVT แบบโซ่ ผู้ใช้รถรุ่นนี้ จะต้องเป็นผู้ที่ใช้รถเยอะเท่านั้นถึงจะคุ้มครับ เดือนหน้าถึงจะมีการเปิดให้ขับทดสอบแ บบเต็มรูปแบบกับ Camry Hybrid ตัวจริงครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนว่างวันอาทิตย์ช่วยตอบ วันที่ตอบ 2009-06-26 08:57:22 IP : 58.8.243.200 |
ความคิดเห็นที่ 1 (3028000) | |
อยากได้ | อ่านแล้วมีความอยาก... แต่ว่าค่าบำรุงรักษา จะเป็นยัง ไม่ใช่เข้าศูนย์แต่ละครั้ง ไม่ต่ำกว่า 5000 บาท แบบนี้ ก็ไม่ไหวเหมือนกัน คงต้องคอยให้คนอื่นใช้นำหน้าไปก่อน.... ราคาไม่ทราบว่าเคาะไปยัง ข่าว แว่ว ว่า 1.6 ล้าน ไม่แน่ใจ |
ผู้แสดงความคิดเห็น อยากได้ วันที่ตอบ 2009-06-26 08:31:06 IP : 125.24.222.21 |
1 |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 4854597 |